ขอบคุณทุกความเห็นครับ รู้สึกคุ้มค่ากับการได้ตามหาความจริงขององค์พระที่ได้รับมาครับ ถึงจะไม่ได้ซื้อหาได้บูชามาด้วยเงิน เป็นการให้เปล่ามา รู้สึกว่าผู้ให้ได้ให้สิ่งมีค่ามาครับ นับตั้งแต่เอาไปให้ช่างทำกรอบพระตะไบพลาสติกออก เอาองค์พระออกมาถ่ายรูป ตอนนี้ใส่เลี่ยมทองไว้แล้วครับ (แอบอุ่นใจในประวัติศาสตร์ของคุณลุงที่ให้มาครับ ซึ่งตอนนั้นมีบ้านเก่าแก่ใกล้กับวัดระฆัง)
สมเด็จวัดระฆังของยายขำผมพอได้ยินมาบ้างครับ เรื่องราวน่าสนใจทีเดียว ได้ยินมาประมาณว่า ช่วงนั้นเกิดโรคห่าระบาด (อหิวาตกโรค) มีผู้คนล้มตายจำนวนมากด้วยโรคนี้ ต่อมามีผู้อ้างว่าหลวงพ่อโตมาเข้าฝั้นแล้วให้นำพระสมเด็จวัดระฆังบดผสมน้ำแล้วดื่มจึงจะหายป่วย จึงเดินทางไปวัดระฆังและทำตามความฝันและหายจากโรคร้ายจริงๆ ข่าวได้แพร่กระจายไปทั่วสารทิศ ผู้คนจำนวนมากพากันมาขอพระสมเด็จฯ จากจำนวนที่มีอยู่มากมายจึงร่อยหรอไปเรื่อยๆ จนหมดไปในที่สุด ยายขำซึ่งเป็นแม่ครัวของในวังหน้า (ข้อมูลผิดถูกยังไงขออภัยนะครับ) ซึ่งสนิทสนมกับพระในวัดระฆัง เห็นสบโอกาสจึงพิมพ์พระด้วยแม่พิมพ์พระสมเด็จของวัดระฆัง และใช้มวลสารซึ่งทำไว้แล้วก่อนหน้านี้เมื่อตอนทำพระสมเด็จ พิมพ์แล้วไม่ทราบว่าได้ปลุกเสกหรือไม่ บ้างก็ว่าปลุกเสกด้วยเกจิ ซึ่งต่อมาพระสมเด็จของยายขำให้คุณทางมหาอุต
พระสมเด็จของยายขำสร้างออกมาเพื่อขายให้กับประชาชนที่หลั่งไหลมาที่วัดระฆังในขณะนั้น ต่อมาเมื่อยายขำเสียชีวิต ลูกหลานได้นำพระใส่กรุบรรจุพร้อมกับอัฐฐิ โดยสร้างเจดีย์ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ต่อมาเมื่อฐานเจดีย์ผุกร่อน จึงมีผู้พบกรุนี้และนำพระข้างในกรุออกมาแจกจ่าย เรื่องของยายขำผมรู้มาประมาณนี้ครับ ผิดถูกอย่างไรช่วยชี้แนะด้วยครับผม
ถ้าหากเราจะวิเคราะห์จากเนื้อมวลสาร ก็สารชนิดเดียวกัน พิมพ์ก็พิมพ์เดียวกัน แต่ปลุกเสกต่างเวลากัน หรือไม่ก็พระสมเด็จฯ ของยายขำไม่ได้ปลุกเสกเลย แบบนี้ส่องไปก็แยกแยะไม่ออกแน่นอน ส่วนตัวแล้วคงต้องอาศัยความศรัทธาเข้าช่วยแล้วล่ะครับ