เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอร์ เนื้ออัลปาก้า ปี 2507 ส.หางสั้น หน้าใหญ่ ?>
ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน
The Buddhist Art Conservation Club Of Esan (North Eastern Part Of Thailand)
22 พฤศจิกายน 2567, 10:53:28 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

กติกาในการ เช่า-แลกเปลี่ยนพระเครื่อง | พระเครื่องเมืองอุบลราชธานี | แจ้งปัญหาการใช้งาน
แจ้งเรื่องการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่จะให้เช่าพระเครื่องฯ | วิธีสมัครสมาชิกเว็บ

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอร์ เนื้ออัลปาก้า ปี 2507 ส.หางสั้น หน้าใหญ่  (อ่าน 34234 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
PN3
VIP Member
*****

พลังน้ำใจ : 395
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 155

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 10 : Exp 6%
HP: 0%



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2554, 08:16:08 »

เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อมุม อินทปัญฺโญ เนื้ออัลปาก้า ปี 2507 พิมพ์ ส.หางสั้น บล๊อคหน้าใหญ่  

สร้างโดยคุณวรวัฒน์ รุ่งแสง ร่วมกับศิษย์ดำเนินการจัดสร้าง ด้านหน้าออกแบบ เป็นรูปเหมือนครึ่งองค์ของหลวงพ่อ ข้างบนเหรียญเขียนว่า "วัดปราสาทเยอร์" ในปัจจุบันชื่อวัดเป็นทางการ คือ "วัดปราสาทเยอเหนือ"ข้างล่างมีคำว่า "พระครูประสาธน์ขันธคุณ" ซึ่งเป็นสมณศักดิ์ หลวงพ่อมุม ด้านหลังของเหรียญเรียบ แต่จะมี รอยจาร ที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษ พบเห็นที่ไหนก็ทราบได้ทันทีว่าเป็นลายมือของหลวงพ่อ  มีด้วยกัน 2 พิมพ์ คือ

1. พิมพ์ ส. ติดขอบ หรือ ส. หางยาว โดยสังเกตที่ตัวอักษร "ส" ของคำว่า "วัดปราสาทเยอร์" หาง "ส" ยาวจรดขอบเหรียญ
2. พิมพ์ ส. ไม่ติดขอบ หรือ ส. หางสั้น มี 2 บล็อค ได้แก่
    2.1 บล็อคหน้าใหญ่
    2.2 บล๊อคหน้าเล็ก
 

โดยสังเกตง่ายๆ ที่ตรงตัว"ส" เช่นกัน แต่หางตัว "ส" ยาวไม่ถึงขอบเหรียญ  

                                       (หมายเหตุ : ขอขอบพระคุณข้อมูลจากคุณน้อย-ขุนหาญ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ)


 


* Copy of DSC_4754.jpg (139.75 KB, 700x949 - ดู 15088 ครั้ง.)

* a10-222-2[1].jpg (71.74 KB, 650x770 - ดู 9620 ครั้ง.)

thxby1150kruba
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ธันวาคม 2555, 21:12:24 โดย PN3 » บันทึกการเข้า
บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน
ยิ้มเย้ยยุทธจักร
Administrator
*****

พลังน้ำใจ : 1197
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1328

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 29 : Exp 61%
HP: 0.1%



จงเป็นดั่งผีบ้าแล้วท่านจะปราศจากความทุกข์

ubonbc@hotmail.com
ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2554, 09:25:55 »

งดงามมากครับอาจารย์ นับถือหาของสวยๆเก่งจริงๆยังกะมีมนต์เรียกได้ครับ

thxby1153PN3, kruba
บันทึกการเข้า

ราคาพระคือการอุปทานหมู่ของมนุษย์ ศรัทธาต่างหากที่จะอยู่คู่กับเราตลอดไป
PN3
VIP Member
*****

พลังน้ำใจ : 395
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 155

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 10 : Exp 6%
HP: 0%



ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2554, 19:05:14 »

อดีตแชมป์ 3 สมัย (โซนภาคกลาง) เลี่ยมทอง


* Copy of DSC_4731.jpg (128.04 KB, 700x974 - ดู 17847 ครั้ง.)

* Copy of DSC_4750.jpg (137.64 KB, 700x983 - ดู 11534 ครั้ง.)

thxby1160kruba
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 พฤศจิกายน 2554, 21:23:25 โดย PN3 » บันทึกการเข้า
คนโก้
Global Moderator
*****

พลังน้ำใจ : 687
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 678

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 21 : Exp 12%
HP: 0%



"ทางไปสวรรค์มันฮก ทางไปนรกมันแปน"

ego-2519@hotmail.com
ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2554, 06:42:31 »

สวยแชมป์จริงๆครับ

thxby1162PN3, kruba
บันทึกการเข้า

"ขุนผู้หาญคองเมืองจั่งเฮืองฮุ่ง  ขุนขี้ย่านคองบ้านบ่ฮุ่งเฮือง"
noi_vintage
Newbie
*

พลังน้ำใจ : 8
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 1 : Exp 60%
HP: 0%



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2554, 15:58:10 »

สุดยอดจริงๆครับอาจารย์ มีพระสวยๆเยอะนะครับ............

thxby1205PN3, kruba
บันทึกการเข้า
PN3
VIP Member
*****

พลังน้ำใจ : 395
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 155

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 10 : Exp 6%
HP: 0%



ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2554, 19:20:27 »

ประวัติหลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอร์

         ศรีสะเกษ เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคอีสานตอนล่างที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน เคยเป็นชุมชนที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองมานับพันปี นับตั้งแต่สมัยขอมเรืองอำนาจ และมีชนเผ่าต่างๆ อพยพมาตั้งรกรากในบริเวณนี้ ได้แก่ พวกส่วย ลาว เขมร และเยอ ศรีสะเกษเดิมเรียกกันว่า"เมืองขุขันธ์" เมืองเก่าตั้งอยู่ที่บริเวณบ้านปราสาทสี่เหลี่ยมดงลำดวน ตำบลดวนใหญ่ อำเภอวังหิน ในปัจจุบันได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นเมืองเมื่อปีพ.ศ.2302 สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยมีหลวงแก้วสุวรรณซึ่งได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระยาไกรภักดีเป็นเจ้าเมืองคนแรก ถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านเมืองเก่า ต.เมืองเหนือ อ.เมืองศรีสะเกษ ในปัจจุบัน แต่ยังคงใช้ชื่อว่าเมืองขุขันธ์จนถึงปีพ.ศ.2481 จึงเปลี่ยนเป็น "จังหวัดศรีสะเกษ"

สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดนี้ นอกจากวัดวาเก่าแก่แล้ว ยังเต็มไปด้วยปราสาทที่สวยงามหลายแห่ง เช่น ปราสาทพระวิหาร ที่กลายเป็นข่าวเด่นประเด็นร้อน

ส่วนพระสงฆ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นเกจิอาจารย์ดังของศรีสะเกษในอดีตนั้น มีอยู่หลายท่านด้วยกัน อันดับหนึ่งคือหลวงพ่อฉิม ธัมมรัตโน วัดทุ่งไชย เจ้าของเหรียญเก่าราคาแพง ปี 2482 รองลงมาคือ หลวงพ่อศรี ฐิตธัมโม วัดหลวงสุมังคลาราม มีเหรียญดังสร้างปี 2484 ทรงหยดน้ำหรือทรงพัดยศ ชาวบ้านเรียกว่า "หลวงพ่อศรีผีย่าน"

ไล่เรียงลงมาอีกยุคหนึ่งก็มี หลวงพ่อมุม อินทปัญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดปราสาทเยอเหนือ พระเกจิอาคมขลังที่มีเหรียญและพระเครื่องศักดิ์สิทธิ์มาก มีอภินิหารในด้านต่างๆ เป็นที่นับถือยกย่องของชาวบ้านมาช้านาน และเป็นหนึ่งในจำนวนพระเกจิอาจารย์นับพันที่ร่วมปลุกเสกและจารแผ่นโลหะในการสร้างพระเครื่องของวัดกัลยาณ์ เมื่อปีพ.ศ.2497

"วัดปราสาทเยอ" ตั้งอยู่ในกิ่งอ.ไพรบึง มีด้วยกัน 2 วัดคือ วัดเหนือและวัดใต้ อายุประมาณ 200 กว่าปี สร้างขึ้นโดยชาวบ้านที่นับถือศาสนาพุทธซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเยอที่ได้รับอารยธรรมทางขอมมา ดังนั้น สิ่งก่อสร้างในวัดจึงคล้ายคลึงศิลปะแบบขอมโบราณผสมสมัยใหม่ วัดมีความเจริญมากในสมัยที่หลวงพ่อมุมปกครองดูแล เพราะศรัทธาในวัตรปฏิบัติที่เรียบง่าย มักน้อย สันโดษ พูดน้อย แต่มีเมตตาสูงมาก แม้ว่าการเดินทางไปวัดปราสาทเยอเหนือจะยากลำบากเพียงใด แต่ผู้คนต่างไม่หวั่นไหวหวาดกลัว เพราะรู้ว่าท่านสามารถช่วยปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัยได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ ในสมัยที่สหรัฐมาตั้งฐานทัพแถบอีสานใต้ กิตติศัพท์ของท่านร่ำลือไปถึงหมู่ทหารจีไอ จนต้องเดินทางมาฝากตัวเป็นศิษย์และรับวัตถุมงคลจากท่านไปคุ้มครองป้องกันภัย โดยต่างเรียกท่านว่า "Dad" และในคอส่วนใหญ่ห้อยเหรียญของท่าน ท่านเกิดในตระกูล "บุญโญ" ตรงกับวันพฤหัสบดีขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ปีพ.ศ.2429 บิดามารดาเป็นชาวนาชาวไร่ ชีวิตวัยเด็กคลุกคลีอยู่ที่วัดเป็นส่วนใหญ่ โดยได้เรียนหนังสือไทย ขอมไทย ขอมลาว และเขมรกับพระอาจารย์พิมพ์ จนอายุ 12 ขวบ จึงบรรพชาเป็นสามเณร ได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนหนังสือ สวดมนต์จนคล่อง ทั้งเช้าและเย็นต้องทำวัตรไม่ขาด เป็นสามเณรที่ขยันมาก ไม่เคยถูกดุด่าว่ากล่าวแม้แต่ครั้งเดียว

พออายุครบ 20 ปี ได้บวชเป็นพระที่วัดปราสาทเยอเหนือ ได้ฉายาว่า "อินทปัญโญ" โดยมีหลวงพ่อปริม เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งท่านมีความรอบรู้เชี่ยวชาญในพระคัมภีร์ทั้งทางด้านกรรมฐานภาวนาและคาถาอาคมขลังทางลงเลขยันต์ ลงนะต่างๆ โดยวิชาเหล่านี้ท่านได้รับการถ่ายทอดไว้จนหมดสิ้น จากนั้นได้ออกธุดงค์ไปปฏิบัติธรรมภาวนาตามสถานที่ต่างๆ เริ่มจากเมืองขุขันธ์เรื่อยไปจนถึง จ.ปราจีนบุรี เข้าฝากตัวกับพระอุปัชฌาย์โท วัดโคกมอญ และอยู่ช่วยก่อสร้างศาลาการเปรียญจนสำเร็จใช้เวลาที่อยู่วัดนี้ 3 ปี แล้วเดินทางกลับวัดปราสาทเยอ

2ปีต่อมา "หลวงพ่อมุม อินทปัญโญ" อดีตเจ้าอาวาสวัดปราสาทเยอเหนือ จ.ศรีสะเกษ จึงออกธุดงค์ไปทางเมืองลังเก จ.พระตะบองฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชากับพระมหาบัวทองพระสงฆ์ชาวเขมร และติดตามเข้าไปจนถึงเมืองพนมเปญ ก่อนจะผ่านมาทางกบินทร์บุรีข้ามภูเขาสองพี่น้องอันเป็นทิวเขาดงพญาไฟ (ปัจจุบันคือดงพญาเย็น) จนกระทั่งมาถึงบ้านหวาย อยู่ศึกษาวิชาอาคมกับ "หลวงพ่อโฮม" ซึ่งเก่งทางว่านยาสมุนไพร แก้อาถรรพณ์ แก้คุณไสยต่างๆ ต่อจากนั้น จึงเดินทางไปยังจ.สระบุรีเพื่อกราบสักการะรอยพระพุทธบาท พระพุทธฉายแล้วล่องมาจนถึงจ.พระนครศรีอยุธยา เข้าจำพรรษาอยู่หลายวัด แล้วต่อไปยังจ.สุพรรณบุรี เข้าสู่อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ผ่านไปทาง จ.เพชรบูรณ์ เข้าจ.เลย เมืองลานช้าง เวียงจันทน์ ท่าแขก สุวรรณเขต และนครจำปาศักดิ์ เพื่อไปหา "สมเด็จลุน" แต่ต้องผิดหวัง เพราะสมเด็จลุนเดินทางไป จ.อุบลราชธานี แต่ท่านก็ได้ตามไปจนพบและฝากตัวเป็นศิษย์ติดตามเข้าไปถึงนครจำปาศักดิ์ ได้ศึกษาหาความรู้ทางอาคมขลัง เลขยันต์ต่างๆ ก่อนจะกลับเข้ามาหาพระอาจารย์ดีๆ ในตัวเมืองอุบลระยะหนึ่ง แล้วเดินทางไปยังเมืองขุขันธ์กลับไปวัดปราสาทเยอ ขณะที่ท่านอยู่วัดนั้นสิ่งที่ปฏิบัติเป็นนิจคือการเดินจงกรม ปฏิบัติกรรมฐานภาวนาและทบทวนวิชาต่างๆ ในยามว่างจากผู้คน พระยาขุขันธ์ได้นำเอาคัมภีร์สมุดข่อยไปถวาย ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่บรรจุวิชาอาคมไสยศาสตร์, โหราศาสตร์ และตำราต่างๆ ไว้อย่างครบถ้วน โดยพระยาขุขันธ์ได้มาจากใต้ฐานพระพุทธรูปในเมืองพิษณุโลก คาดว่าเป็นของสมเด็จเจ้าพระฝาง ปีพ.ศ.2464 หม่อมหลวงช่วงทำงานอยู่กระทรวงธรรมการไปตรวจราชการที่เมืองขุขันธ์ เห็นว่าการศึกษาที่นั่นยังด้อยอยู่มาก ประชาชนส่วนมากยังขาดการศึกษา  จึงเดินทางไปนิมนต์ให้ท่านช่วยสอนหนังสือพระ โดยท่านได้สอนอยู่นานถึง 15 ปี เมื่อหลวงพ่อปริม มรณภาพท่านจึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสสืบแทนตั้งแต่ปีพ.ศ.2492 ทำให้ต้องหยุดสอนหนังสือเพราะมีภาระธุระทางงานพระศาสนามากขึ้น และเป็นช่วงที่มีพระสงฆ์ที่มีความรู้หลายองค์สามารถเป็นครูสอนแทนได้

ปีพ.ศ.2494 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2499 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูที่ "พระครูประสาธน์ขันธคุณ" ก่อนจะเลื่อนเป็นชั้นตรี, ชั้นโท และชั้นเอกในราชทินนามเดิมตามลำดับ

ท่านเป็นพระที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ได้ให้การสนับสนุนด้านการบริหารและการเงินแก่โรงเรียนต่างๆ ตลอดมา ด้วยคุณงามความดีในปี พ.ศ. 2515 จึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ มาถวายพระกฐินต้นที่วัด และทรงสร้างศาลา ภปร.ถวายแก่หลวงพ่อมุมด้วย ซึ่งนับว่าเป็นวัดแรกของภาคอีสาน "หลวงพ่อมุม" มรณภาพเมื่อปี พ.ศ.2522 สิริอายุได้ 93 ปี พรรษา 73

พระเครื่องที่ท่านสร้างและปลุกเสกไว้จะทำตามพิธีกรรมแบบเขมรโบราณ ประเภทเหรียญจะมีมากที่สุด รุ่นแรกสร้างปีพ.ศ.2507 มี 2 บล็อกคือพิมพ์ส.หางยาว (นิยม) และ ส.หางสั้น ท่านจะลงเหล็กจารด้วยลายมือทั้งหมด, รุ่น 2 ปี 2508, เหรียญรูปไข่ ปี 2509, เหรียญเม็ดแตง-เหรียญเสมา ปี 2509, เหรียญรูปอาร์ม ปี 2515, เหรียญนักกล้าม ปี 2517, เหรียญพิมพ์เตารีด, เหรียญปาป้ามุม สร้างปี 2516 โดยหน่วยทหารนาวิกโยธินสหรัฐ รุ่นนี้ดังมากพอปลุกเสกเสร็จก็ทดลองยิงกันเลย ปรากฏว่ายิงไม่ออก, เหรียญทรงตาลปัตร ปี 2514 ส่วนพระผงมีหลายพิมพ์ ที่นิยมมี 3 พิมพ์คือ สมเด็จลายเสือ, สมเด็จสามชั้น และสมเด็จหลังรูปเหมือน ปี 2516 พระปิดตามีรุ่นเดียวสร้างปี 2517 นอกจากนี้ ยังมีรูปหล่อปั๊มคอตึง, แหวนรูปเหมือน 4 รุ่น, เครื่องรางของขลังเช่น ตะกรุดโทน ตะกรุดเมตตา ผ้ายันต์ สีผึ้ง ลูกอม ฯลฯ

พระเครื่องของท่านแม้ว่าจะมีราคาไม่สูง แต่ด้านอิทธิคุณแล้ว ลูกศิษย์ลูกหาบอกว่าดีทั้งทางเมตตามหานิยม และแคล้วคลาดคงกระพัน โดยเฉพาะคนศรีสะเกษต่างเชื่อมั่นกันมากเนื่องจากได้รับประสบการณ์กันนับไม่ถ้วน

ทั้งนี้ พระเครื่องของท่านมีข้อห้ามเฉพาะคือ
1.ห้ามลอดไม้ค้ำต้นกล้วย
2.ห้ามใช้มือทั้งสองกอบน้ำในบึง หนอง คลอง ที่ตนลงเล่นมาดื่มกิน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก คอลัมน์ มุมพระเก่า อภิญญา
นสพ.ข่าวสดออนไลน์


* 10-222[1].jpg (58.15 KB, 365x448 - ดู 11428 ครั้ง.)

* a10-222-2[1].jpg (71.74 KB, 650x770 - ดู 10343 ครั้ง.)

thxby1559kruba
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 สิงหาคม 2554, 20:37:59 โดย PN3 » บันทึกการเข้า
คนโก้
Global Moderator
*****

พลังน้ำใจ : 687
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 678

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 21 : Exp 12%
HP: 0%



"ทางไปสวรรค์มันฮก ทางไปนรกมันแปน"

ego-2519@hotmail.com
ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2554, 14:13:22 »

ขอบคุณครับสำหรับประวัติหลวงปู่มุม

thxby1577PN3, kruba
บันทึกการเข้า

"ขุนผู้หาญคองเมืองจั่งเฮืองฮุ่ง  ขุนขี้ย่านคองบ้านบ่ฮุ่งเฮือง"
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.19 | SMF © 2006-2009, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!