พระพุทธปฏิมาบุษยรัตน์ ?>
ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน
The Buddhist Art Conservation Club Of Esan (North Eastern Part Of Thailand)
21 พฤศจิกายน 2567, 16:19:28 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

กติกาในการ เช่า-แลกเปลี่ยนพระเครื่อง | พระเครื่องเมืองอุบลราชธานี | แจ้งปัญหาการใช้งาน
แจ้งเรื่องการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่จะให้เช่าพระเครื่องฯ | วิธีสมัครสมาชิกเว็บ

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระพุทธปฏิมาบุษยรัตน์  (อ่าน 13624 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เต้ อุบล
พุทธศาสนิกชน ฅนรักษ์ธรรมะ
Administrator
*****

พลังน้ำใจ : 634
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 982

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 25 : Exp 44%
HP: 0%



อย่าสุไลเสียถิ้ม พงษ์พันธุ์พี่น้องเก่า อย่าสุละเผ่าเซื้อ ไปย่องผู้อื่นดี

sabayd8861@hotmail.com
ดูรายละเอียด อีเมล์
« เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2556, 23:13:12 »

พระพุทธปฏิมาบุษยรัตน์( พระแก้วหยดน้ำค้าง หรือ พระแก้วขาว )


"พระพุทธปฏิมาบุษยรัตน์" หรือ "พระแก้วหยดน้ำค้าง" หรือ "พระแก้วขาว" เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ สร้างจากเนื้อแก้วใสสะอาดบริสุทธิ์ ขนาดหน้าตักกว้าง 1.9 นิ้ว ศิลปะเชียงแสน เป็นพระพุทธรูปคู่บ้าน คู่เมืองยโสธร ปัจจุบันประดิษฐาน ณ วัดมหาธาตุ อ.เมือง จ.ยโสธร

ในอดีตนั้นเคยประดิษฐานอยู่คู่กับพระแก้วมรกตในหอพระแก้วเมืองเชียงใหม่เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2011 และประทับอยู่เป็นสิริมงคลนานถึง 78 ปี

หลังพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชครองหลวงพระบาง จึงมีความเห็นว่าสมควรอัญเชิญพระแก้วมรกตและพระแก้วขาวไปไว้ที่ราชธานีล้านช้าง เพื่อให้ห่างไกลจากเงื้อมมือพม่าข้าศึก จึงโปรดฯ ให้ประดิษฐานพระแก้วมรกตประทับอยู่ร่วมกันอีกครั้ง

ได้มีผู้ลักพาพระแก้วขาวออกจากหลวงพระบางไปซ่อนไว้ที่เขาส้มป่อย ต่อมามีพราน 2 พี่น้อง ชื่อ พรานทึงและพรานเทือง ไปพบว่าจมอยู่ใต้สระน้ำจึงนำขึ้นมา ความลือไปถึงเจ้าสร้อยศรีสมุทร พุทธางกูร ผู้ครองนครจำปาศักดิ์ จึงให้ท้าวเพียผู้ใหญ่ไปสืบเอาพระแก้วขาวมา

ขณะอัญเชิญมาถึงตำบลแห่งหนึ่ง ริมน้ำเซโดนได้พากันพักแรมหนึ่งคืน พอรุ่งเช้าปรากฏว่าพระแก้วขาวหายไปจึง ให้คนเที่ยวค้นหา มีผู้ไปพบอยู่ที่บ้าน พรานทึงดังเดิม ท้าวเพียได้ทำพิธีคารวะพระแก้วขาว โดยขออัญเชิญไปยังหลวงพระบางได้สะดวก อย่าได้ลักหนีไปอีกเลย

แต่ในระหว่างทางเกิดพายุทำให้พระแก้วขาวตกลงไปในน้ำหาอย่างไรก็ไม่พบ เจ้าสร้อยศรีสมุทรฯ ทรงกระทำพิธีกรรมบวงสรวงเทพารักษ์ ตั้งสัตยาธิษฐานขอให้ได้พระแก้วขาวกลับคืนมาเป็นสิริมงคล เมื่อสัมฤทธิผลจึงจัดงานฉลองสมโภชเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน

ตามข้อสันนิษฐานที่สืบทราบความว่า เมื่อครั้งเจ้าพระยาราช สุภาวดี ยกทัพไปตีเมืองเวียงจันทน์ เจ้าอุปฮาดบุตรของท้าวคำ ท้าวฝ่าย ท้าวสุวอ ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของเจ้าพระยาขัตติวงศา ได้ไปรบด้วย มีท่านพระครูหลักคำกุผู้มีภูมิ ความรู้ถนัดในทางโหราศาสตร์ เป็นผู้ให้ฤกษ์และทำพิธีตัดไม้ ข่มนาม ซึ่งเป็นพิธีปฐมกรรม อันเป็นการให้ขวัญและกำลังใจ แก่ทหาร จึงทำให้การรบในครั้งนั้นประสบชัยชนะ

ความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 จึงได้มีรับสั่งให้พาเข้าเฝ้าโดยด่วน โดยมีท้าวฝ่าย และพระครูหลักคำกุ เป็นผู้เข้าเฝ้าที่กรุงเทพมหานคร โปรดเกล้าฯ พระราช ทานสัญญาบัตรให้ท้าวฝ่ายเป็นพระสุนทรราชวงศา พระครูหลักคำกุ เป็นพระครูวชิรปัญญา แล้วพระราชทาน ปืนนางป้อม 1 กระบอก ให้พร้อมกับพระพุทธบุษรัตน์ เพื่อเป็นสิริมงคล แก่เมืองยโสธร นับแต่นั้นเป็นต้นมา

สำหรับในจารึกประชุมพง ศาวดาร ภาคที่ 80 เมื่อ พ.ศ.2440 (ร.ศ.115) กล่าวว่า ท้าวพญาเมืองจำปาศักดิ์ได้ถวายพระแก้วขาวแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงโปรดให้อัญเชิญลงมากรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ.2355 ต่อมารัชกาลที่ 3 พระราชทานให้ชาวเมืองยโสธร

thxby12752คนโก้, บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.19 | SMF © 2006-2009, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!