พระธรรมบาลสุ้ย(พระอริยวงศาจารย์ญาณวิมลอุบลสังฆปาโมกข์) ?>
ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน
The Buddhist Art Conservation Club Of Esan (North Eastern Part Of Thailand)
24 พฤศจิกายน 2567, 19:40:26 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

กติกาในการ เช่า-แลกเปลี่ยนพระเครื่อง | พระเครื่องเมืองอุบลราชธานี | แจ้งปัญหาการใช้งาน
แจ้งเรื่องการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่จะให้เช่าพระเครื่องฯ | วิธีสมัครสมาชิกเว็บ

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระธรรมบาลสุ้ย(พระอริยวงศาจารย์ญาณวิมลอุบลสังฆปาโมกข์)  (อ่าน 12918 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน
ยิ้มเย้ยยุทธจักร
Administrator
*****

พลังน้ำใจ : 1197
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1328

Level and Hp mod by the DtTvB :: version 1.02 :: Made for Zone-IT.com Level 29 : Exp 61%
HP: 0.1%



จงเป็นดั่งผีบ้าแล้วท่านจะปราศจากความทุกข์

ubonbc@hotmail.com
ดูรายละเอียด อีเมล์
« เมื่อ: 15 มกราคม 2554, 21:12:36 »


พระธรรมบาลสุ้ย(พระอริยวงศาจารย์ญาณวิมลอุบลสังฆปาโมกข์)
เกิดในสมัยรัชกาลที่2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นพระราชาคณะ สัณฐานสูง สีเนื้อขาว ลักษณะท่าทางสง่างาม ภูมิลำเนาเดิมเกิด  ที่บ้านกวางดำ (บางท่านว่าบ้านแขม) อำเภอเขื่องใน จัึงหวัดอุบลราชธานี  มีวิทยฐานทางการศึกษามูลกัจจายน์แบบดั้งเดิม ณ วัดหลวง จังหวัดอุบลราชธานี และได้ไปศึกษามูลกัจจายน์แบบใหม่(บาลีไวยากรณ์) ณ สำนักวัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร สอบไร่ได้เปรียญสามประโยคได้รับแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ให้ดำรงค์สมณศักดิ์แบบไทย เป็นพระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่ที่ พระอริยวงศาจารย์ญาณวิมลอุบลสังฆปาโมกข์ มาปกครองคณะสงฆ์เมืองอุบลราชธานีมีอำนาจสิทธิ์ขาดในทางปกครอง ทั้งที่เป็นที่ปรึกษาให้สิทธิ์ทางการปกครองฝ่ายบ้านเมืองด้วย  เดิมจะเป็นศิษย์ออกจากวัดมณีวนาราม หรืออย่างไรสืบไม่ได้ความ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดมณีวนาราม ชนชาวเมืองเรียกว่า "ท่านเจ้า ท่านผู้นี้รับหน้าที่ทางคันถธุระ(การศึกษาและเผยแพร่พระธรรมวินัยของพระสงฆ์) และศิลปหัถกรรม  โดยนำเอาระเบียบประเพณี ตลอดทั้งศิลปหัตถกรรมจากกรุงเพทฯ มาเผยแพร่ไว้เมืองอุบลฯ เป็นครั้งแรก ส่วนเวลากลางคืนท่านจะเจริญวิปัสสนาอยู่ริมทุ่ง ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นวัดทุ่งศรีเมือง พระธรรมบาลสุ้ย ท่านไม่ค่อยขวนขวายในการสร้างกุฏิใหญ่โต สร้างแต่กุฏิไม้ทรงมลิลาหลังเล็กๆ มุงด้วยหญ้าและกระเบื้องดินเผาอยู่เป็นหมู่ๆ มีทำมั่นคงและแข็งแรงก็หอไตรสำหรับเก็บหนังสือใบลาน ซึ่งปลูกอยู่กลางสระน้ำ  และโบสถ์ที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองซึ่งมีปรากฏอยู่วัดทุ่งศรีเมือง ในปัจจุบัน  ทั้งในสมัยน้ั้นทางพระราชอาณาจักรแบ่งราษฎรให้เป็นเลขวัดหรือข้าวัด  เพื่อทำการซ่อมแซมแปลงเสนาสนะที่อยู่อาศัยของพระภิกษุสามเณรด้วย  จึงไม่เป็นธุระของท่านจะขวนขวายนัก  ท่านพอใจการสอนหนังสือนิสิต (ศิษย์) เป็นกิจสำคัญ  เพราะสมัยนั้นหาแบบเรียนยาก หนังสือทุกประเภทเริ่มแต่ไหว้พระสวดมนต์ขึ้นไป  ต้องเรียนจากอาจารย์ทั้งนั้น  พระเดชพระคุณท่านเห็นกาลอันยังไม่มาถึงได้ถนัด  จึงได้จัดแจงนำพันธ์ไม้สักมาปลูกไว้  เพื่อได้ใช้ซ่อมแซมกุฏิวิหาร  ต่อมาท่านรับภาระขยายหอไตรและหอพระบาทให้ที่วัดทุ่งศรีเมือง  และสร้างวัดสวนสวรรค์ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของวัดทุ่งศรีเมือง ต่อมาวัดสวนสวรรค์ (เป็นที่พักของนายอำเภอสมัยหนึ่ง) โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์ทรงยุบวัดนี้ไปทรงสร้างเป็นวัดสารพัฒนึก  นอกจากนี้สืบไม่ได้ความว่าท่านได้สร้างอะไรไว้อีก  และนับถอยหลังจากท่านเจ้าลงไปก็ไม่ทราบว่าใครครองวัดมาก่อน  สมัยนั้น วัีดทุ่งศรีเมืองและวัดสวนสวรรค์ประหนึ่งว่า  เป็นวัดเดียวกันกับวัดป่าน้อย (วัดมณีวนาราม)
ท่านถึงแก่มรณภาพ ณ ห้องใหญ่กุฏิแดง เก็บศพไว้หลายปี  จึงได้นำนกหัสดิลิงค์ ประกอบหอแก้วบนหลังคานก บำเพ็ญกุศล ๑๔ ตามประเพณีเสร็จ แล้วเชิญหีบศพรูปนพสูญขึ้นประดิษฐานบนหอแก้ว แล้วชักลากไปสู่ทุ่งศรีเมืองเยื้องไปด้านพายัพ พระราชทานเพลง ณ ที่นั้น ไม่ทราบชัดว่าอายุเท่าไหร่ และครองวัดอยู่ได้กี่ปีถึงมรณภาพ  

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 มกราคม 2554, 14:09:32 โดย บ่อหัวซา » บันทึกการเข้า

ราคาพระคือการอุปทานหมู่ของมนุษย์ ศรัทธาต่างหากที่จะอยู่คู่กับเราตลอดไป
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.19 | SMF © 2006-2009, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!