ประวัติหลวงปู่ฮุ่ง อริยะสงฆ์แห่งมหาสารคามหลวงปู่ฮุ่ง แห่งวัดทุ่งหนองแวงสองคอน อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม
ประวัติ วันเดือนปีเกิด ของหลวงปู่ฮุ่งท่านมิอาจจะหาข้อมูลได้
เพราะหลวงปู่ฮุ่งท่าน ไม่ชอบใครให้มารู้วันเดือนปีเกิดของท่าน
จึงไม่มีข้อมูลของท่านเลยในเรื่องนี้ ท่านคงจะถือตคิแบบโบราณ
ป้องกันศัตรูหรือผู้คิดร้ายมากระทำในเรื่องต่างๆ
เพราะโบราณถือกันว่าถ้าหากศัตรูล่วงรู้วันเดือนปีเกิด
ก็สามารถฆ่าตายได้แล้วประมาณ99%
คือผู้นั้นได้ตายไปแล้ว99%
หลวงปู่ฮุ่งท่านเป็นอริยะสงฆ์ที่ซ่อนเร้น อยู่ตามป่าตามเขาบ้านอกคอกนา
ท่านอยู่อย่างสมาถะ ไม่มีวัดใหญ่โต มีเพียงแค่กุฏิหลังเล็กๆเพียง1หลัง
หลวงปู่ฮุ่งท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่นามหรือ
(หรือหลวงปู่เสือนามบ้านตะโก)จ.มหาสารคาม
หลวงปู่เสือนามท่านเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกับ
พระครูศรีธรรมศาตร์มหาสาร(เสือเก่าอาจารย์วัดชุมจุมพล)
และหลวงปู่ทา แห่งเขาพลูสวนกวง(เสือทา)
ทั้งสามเสือท่านเป็นเกลอรักกัน และมีชื่อเสียงในสมัยเป็นโจร
โด่งดังมาก ทางราชการมิอาจจะปราบปรามได้
เพราะเนื่องจากทั้งสามเป็นผู้ที่มีวิชาดี
และที่สำคัญก็ทั้งสามสำเร็จวิชาหายตัวจากหลวงปู่ใหญ่แห่งเขาภูควาย
ทำให้ทางการมิอาจจะจับตัวได้เลย เจ้าท่านเมืองในนั้นต้องเจรจา
และขอให้บวช ซึ่งทั้งสามก็ยอมบวชแต่โดยดี
และก็สำเร็จจบกิจทั้งสามองค์ด้วย (ซึ่งหลวงปู่ฮุ่งท่านเล่าให้ฟัง)
และหลวงปู่ทั้งสามยังเป็นศิษย์รุ่นพี่ของหลวงปู่ชุน(เสือโคก)
และท่านยังเป็นศิษย์สายสำเร็จลุนอีกด้วย
หลวงปู่ฮุงท่านได้ธุดงค์ ทั้งในฝั่งไทยและลาวและเขมร
ท่านเรียนการปฏิบัติจากหลวงปู่นาม และครูบาอารย์ที่ลึกลับหลายๆองค์เช่น
หลวงปู่สำเร็จลุนเรื่องธาตุต่างๆ หลวงปู่องค์ดำ จบทั้งด้านวิชาธาตุและวิชาขั้นสูงในด้านโลกุตตระ
ถ้าท่านใดเคยไปกราบท่านสมัยที่หลวงปู่ฮุ่งท่านยังอยู่
จะรู้ว่าที่วัดของท่านผีดุมาก ผีที่วัดท่านหลอกกันกระทั่งตอนกลางวัน
หลวงปู่ท่านเคยเล่าว่า
ที่วัดทุ่งหนองแวงสองคอนเคยเป็นเมื่อเก่า และมีอาถรรพ์ฝังไว้
และมีผู้ที่มีวิชากระทำอาถรรพ์เอาไว้ทุกพื้นที่
เพื่อป้องกันวัดและเมือง
หลวงปู่ฮุ่งท่านบอกว่าแต่ถึงจะเก่งแค่ไหน ก็เก่งเกินกฏไตรลักษณ์ไม่ได้
สุดท้ายก็เหลือเป็นกองเศษอิฐแดงๆอยู่โน่น
สมัยหลวงปู่ฮุ่งท่านย้ายมาอยู่ใหม่ ท่านเลยจัดการแผ่เมตตาให้กับพวกผีเหล่า
ไปสู่สุคติภพภูมิที่ดี แต่ถ้าผีที่ดื้อ ก็โดนท่านสั่งสอนอบรม
จนต้องหันมายอมรับนับถือพระรัตนตรัย ท่านว่าบางทีเด็กดื้อ
ก็ต้องโดนไม่เรียวเหมือนกัน ตีเพื่อให้ได้ดี ไม่ได้ตีเพื่อเป็นทาสโมหะมัน
และท่านก็ยังจัดการถอนอาถรรพ์ต่างที่จะเป็นอันตรายต่อชาวบ้านด้วย
ท่านว่าคนโบราณ เขาเรืองวิชา เขาทำขลัง เพราะเขาทำจริง ทำได้จริง
หลวงปู่ฮุ่ง ท่านเป็นศิษย์รุ่นเดียวกับครูสมาน
ทั้งสองเป็นผู้เรืองวิชา แต่ครูสมานชอบทางด้านโลกียะ
แต่หลวงปู่ฮุ่งท่านจบพึ่งในกิจที่กระทำอย่างสมบูรณ์ของพระสงฆ์แล้ว
ต่อไปนี้ผมจะขอเล่าเรื่องของหลวงปู่ฮุ่งและครูสมาน ทดสอบวิชากันครับ
เมื่อครูสมานขึ้นไปกราบเยี่ยมหลวงปู่ฮุ่ง เมื่อประมาณปี2533
(อาจจะจำผิดขออภัยด้วยครับ)(และแปลเป็นภาษาภาคกลางอ่านได้ดังนี้ครับ)
เนื่องจากหลวงปู่ฮุ่งและครูสมานทั้งสองต่างเป็นสหายสนิทกัน
และเป็นศิษย์ร่วมเรียนวิชาเดียวกับหลวงปู่นามแห่งบ้านตะโก
เมื่อครูสมานมาถึง ก็ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของกันและกัน
แล้วหลวงปู่ฮุ่งท่านก็จัดน้ำชาให้ แล้วบอกว่า ให้กินน้ำชารอก่อน
เดี๋ยวท่านมา ท่านจะไปสรงน้ำที่ในฝายน้ำหน่อย (ฝายข้างๆวัด)
แต่ครูสมานจะตามไปอาบน้ำบ้างก็ได้น๊ะ เพราะอากาศบ้านนอกมันร้อน
แต่ครูสมาน บอกว่า เดี๋ยวผมขอรออยู่ที่นี่ก็แล้วกันครับ
แล้วหลวงปู่ฮุ่งท่านก็หายไปพักใหญ่ หายไปนานมาก
จนครูสมานเริ่มอดทนรอไม่ไหว จึงเดินตามไปที่ฝายน้ำที่อยู่ข้างวัด
พร้อมชาวบ้าน2คนที่เป็นศิษย์ของหลวงปู่
พอทั้งสามคนเดินไปที่ฝายน้ำ ก็เห็นจรเข้ยักษ์ใหญ่ตัวใหญ่ลอยอยู่ในฝายน้ำ
ชาวบ้านที่ตามไป2คนก็ตื่นตกใจใหญ่ เอ่ะอ่ะ ว่าในฝายของพวกเรา
มันมีจระเข้ได้ยัง ซึ่งจระเข้ยักษ์ตัวใหญ่มาก ใหญ่ขนาดลอยเกือบเต็มฝายน้ำ ที่ริมตลิ่งฝายน้ำ
ก็มีรองเท้าของหลวงปู่ฮุ่ง วางทิ้งไว้อยู่
วางอยู่ข้างๆริมฝาย ชาวบ้านก็บอกครูสมานว่า
สงสัยจระเข้ตัวใหญ่ คงคาบหลวงปู่ไปกินแล้ว
พร้อมกับเอ่ะอ่ะโวยวายกันใหญ่ อีกคนก็จะไปตามชาวบ้านให้มาช่วยยิงจระเข้ เพราะคิดว่าจระเข้
คงกินหลวงปู่ฮุ่งเข้าไปแล้ว
แต่ยังสงสัยว่าจรเข้ยักษ์ตัวใหญ่ตัวนี้ มาได้อย่างไร
มาลอยอยู่ในฝายน้ำของชาวบ้าน
ยิ่งชาวบ้านเอ่ะอ่ะโวยวาย จระเข้ยักษ์ก็ยิ่งตีหางในน้ำใหญ่จนน้ำแตกกระจาย
และทำท่าเหมือนอาละวาดใหญ่
ครูสมานยืนนิ่ง และสำรวมจิตเพ่งกสินทางใน ก็รู้ว่า
ที่แท้จระเข้ยักษ์ใหญ่ที่อาละวาดอยู่ก็คือหลวงปู่ฮุ่งเกลอของท่านนั่นเอง
ซึ่งหลวงปู่ฮุ่งท่านคงนึกสนุกลองวิชาและลองใจเข้าให้แล้ว
ครูสมานจึงสั่งชาวบ้านที่ตามไปทั้งสองคน ให้อยู่ในความสงบ
และบอกชาวบ้านว่า จระเข้ตัวนี้ ฉันขอจัดการเอง
ขอให้เป็นธุระของฉันเองและสั่งชาวบ้านว่าไม่ต้องไปตามใครมา
เพราะจระเข้ตัวนี้ แม้จะมีปืนร้อยกระบอก
ก็ไม่สามารถยิงหรือทำจะอันตรายจระเข้ตัวนี้ได้เลย
ชาวบ้านก็เฝ้ามองดูครูสมานว่าจะทำอะไร ครูสมานก็ร่ายเวทย์ที่ตัว
แล้วก็ลงไปที่ริมตลิ่งฝายน้ำ จระเข้ยักษ์ใหญ่ก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
ครูสมานก็กระโดดน้ำลงไปปล้ำสู้กับจระเข้ยักษ์ สักพักใหญ่
จนน้ำในฝายแตกกระตายและจนน้ำนิ่งและหายไปในน้ำ
ชาวบ้านที่เห็นก็ได้แต่ยืนลุ้นตาโต และตกใจมาก
และคิดว่าคงเสร็จ เป็นอาหารจระเข้ยักษ์ไปแล้วอีกรายแล้ว
พอสักพัก น้ำที่นิ่งในฝายก็เริ่มขยับ
ครูสมานจูงมือหลวงปู่ฮุ่งขึ้นมาจากน้ำ
ซึ่งหลวงปู่ฮุ่งท่านหัวเราะชอบใจใหญ่ บอกว่านานๆ
จะอาบน้ำให้สะอาดกะเค้าซักที ดันมีคนดันมากวนซะได้
กวนมากเลยใช้ขัดขี้ไคลให้ซะเลย แล้วท่านก็หัวเราะชอบใจใหญ่
ครูสมานก็เอ่ยปากชมหลวงปู่ฮุ่งว่า
ท่านฮุ่ง ภูมิธรรมท่านไปไกลมากกว่าผมแล้ว
ผมลงน้ำตัวเปียกไปหมด แต่ท่านอาบน้ำยังไง ตัวไม่เปียกอย่างผมเลย
หลวงปู่ฮุ่งท่านก็เลยหัวเราะชอบใจใหญ่ ท่านว่าศีลเป็นสบู่ใช้ขัดทั้งกายใจได้ดี
หมั่นทำเข้า เดี๋ยวก็ได้เองแหละ ไอ้ตัวไม่เปียกมันไม่ยากหรอก
อันนี้คือเรื่องหลวงปู่ฮุ่งคร่าวๆ วันนี้ขอเสนอตอนที่1ครับ
ข้างล่างคือลิ๊งค์ภาพหลวงปู่ฮุ่ง
ส่วนวัตถุมงคลของท่าน
เหรียญรุ่นที่1 และเหรียญรุ่นที่2ครับ
และท่านสร้างพระปิดตาและพระสมเด็จไว้ด้วย
และมีพระธาตุเสด็จเหมือนพระของหลวงปู่ดู่วัดสะแก
ไว้ค่อยถ่ายลงคราวหน้าครับ