porpek13
|
|
« ตอบ #120 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555, 15:42:04 » |
|
โดยหลวงปู่เพชรได้ประทับรอยเท้าทั้งสองข้างไว้ที่ถ้ำประเทศลาว เป็นคำบอกเล่าของหลวงปู่คำตันที่ปรึกษาพระสังฆราชประเทศลาว หลวงปู่คำตันเป็นลูกศิษย์หลวงปู่เพชรได้อยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่เพชรถึง 20 พรรษา ภูเขาควายตั้งอยู่ที่บ้านนายาง เมืองธุรคม แขวงเมืองเวียงจัน มีพื้นที่ 2,000 ไร่ บนยอดเขาภูเขาควายปัจจุบันได้ถูกสร้างเป็นวัดชื่อ ?วัดป่าพระบาทภูเขาควาย? โดยหลวงปู่คำตัน วรราช (พระประเทศลาว) ซึ่งท่านเป็นคนเมืองธุระคม บ้านอยู่ใกล้ๆ ภูเขาควาย ท่านบวชเป็นสามเณร ตั้งแต่อายุ 13 ปี และก็อยู่ในภูเขาศํกดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่เด็ก โดยท่านอยู่กับ หลวงปู่เพชร ปัจจุบันท่านจะอยู่ประจำที่วัดดงป่าลาน ในเมืองเวียงจัน และจะขึ้นมาวัดป่าพระบาทภูเขาควาย เป็นช่วงๆ โดยส่วนใหญ่จะนำเงินและวัสดุก่อสร้างมาให้กับช่างทีทำการสร้างสิ่งก่อสร้างในวัด แต่ถ้าหลวงปู่ไม่อยู่ บนเขาก็มีพระลาว 4 รูป สามเณร 1 รูป แม่ชี 5 รูป และยังมีโยมที่คอยช่วยงานวัดอีกหลายคนไป ๆ มา ๆ นอกจากยังมีพระไทยเดินทางมาพักเป็นช่วงไม่ขาด
|
|
|
|
porpek13
|
|
« ตอบ #121 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555, 15:42:29 » |
|
เรื่องเล่าจากหลวงปู่คำตัน
เรื่องมีดังนี้ครับ เมื่อครั้งที่หลวงปู่คำตันท่านปรนนิบัติหลวงปู่เพชรที่ถ้ำประเทศลาว เช้าวันหนึ่งหลวงปู่คำตันเข้าไปหาหลวงปู่เพชรตามปกติ แต่วันนี้ที่แปลกคือ มีรอยเท้าประทับอยู่บนหินครับ หลวงปู่คำตันก็เลยงง และสงสัยว่ารอยใคร ใช่รอยหลวงปู่เพชรหรือเปล่าก็เลยเข้าไปถามหลวงปู่เพชรว่ารอยใครใช่รอยปู่หรือเปล่าหรือรอยพ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านอื่นแต่หลวงปู่เพชรก็ไม่ตอบได้แต่ยิ้มให้เฉยๆ หลวงปู่คำตันก็เลยไม่กล้าถามต่อ แต่ก็สงสัยว่ารอยใครวันต่อมาก็เข้าไปหาหลวงปู่เพชรตามปกติและที่แปลกอีกคือวันนี้ก็มีอีกรอยหนึ่งประทับอยู่ข้างกัน ทำให้หลวงปู่คำตันสงสัยเข้าไปอีกว่ารอยใครก็เรียนถามหลวงปู่เพชรอีกว่ารอยใคร หลวงปู่เพชรก็ไม่ตอบเช่นเคยได้แต่ยิ้มให้เฉยๆโดยหลวงปู่คำตันก็อยู่กับหลวงปู่เพชรแค่สองรูปเท่านั้น
|
|
|
|
porpek13
|
|
« ตอบ #122 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555, 15:42:54 » |
|
หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี วันหนึ่งมีลูกศิษย์ นำพระมาให้หลวงพ่อฤาษีฯดู หลวงพ่อฤาษีฯก็จับพระองค์นั้นไว้ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า ตั้งแต่จับพระมา พระที่มีพลังแรง ก็มี พระสมเด็จ พระของหลวงพ่อปาน และพระองค์นี้ ข้าฯสงสัย ก็เห็นครูบาศรีวิชัยอยู่ตรงหน้า ยังไม่ได้ถามอะไร ท่านครูบาศรีวิชัยก็บอกเองว่า ?พระนี้ท่านทำเอง? แล้วก็ส่งพระคืนให้ลูกศิษย์
ลูกศิษย์ทำหน้างง ๆ เพราะไม่ทราบเหมือนกันว่า พระนี้ครูบาศรีวิชัยอธิษฐานจิตทราบแต่เพียงเป็นพระที่ครูบาบุญทืม จ.ลำพูน สร้างไว้ เลยย้อนกลับไปถามครูบาบุญทืม ก็ได้ความว่า เป็นพระรอดเนื้อดินเผาขนาดองค์เล็ก (วงการพระเรียกว่าพระรอดเณรจิ๋ว) ที่ครูบาบุญทืมทำไว้ตอนเป็นเณรหนึ่งบาตรพระ ถวายครูบาชุ่ม ครูบาชุ่ม โพธิโก ก็นำไปให้ครูบาศรีวิชัยอธิษฐานจิตให้ แสดงให้เห็นว่า พระ วัตถุมงคลที่มีพลังแรงมากๆ พระโพธิสัตว์ได้อธิษฐานจิตไว้ เพราะพระโพธิสัตว์ท่านบำเพ็ญบารมีมาช้านาน และพระวัตถุมงคลต่างๆ ท่านก็อธิษฐานบุญบารมีทั้ง 30 ทัศของท่านไว้ด้วย
อธิบาย บารมี ๓๐ ทัศ
การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ในชาตินั้นๆ บารมีที่บำเพ็ญนั้นคือ ทานบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี และอุเบกขาบารมี รวมเรียกว่าบารมี ๓๐ (๓ x ๑๐) โดยแบ่งเป็นบารมีชั้นธรรมดา ๑๐ (บารมี) บารมีชั้นกลาง ๑๐ (อุปบารมี) และ บารมีชั้นสูง ๑๐ (ปรมัตถบารมี) รวมเป็นบารมี ๓๐ ประการ อีกตอนหนึ่ง มีโยมผู้หญิงเพิ่งเคยมากราบหลวงพ่อฤาษีฯ แล้วอยากรู้ หลวงพ่อค่ะ ทำไมหนูไม่รวยซักที หลวงพ่อฤาษีฯท่านมองครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า ไม่ถูกหวยนะเหรอ ผู้หญิงคนนั้นทำหน้าแดงๆ อายๆ แล้วพูดว่า ?หลวงพ่อรู้ด้วย? หลวงพ่อฤาษีฯท่านก็ตอบว่า แขวนพระอรหันต์ขอกับพระอรหันต์ท่านไม่สงเคราะห์หรอก เพราะท่านถือว่าเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ต้องขอกับพระโพธิสัตว์นู่น เพราะพระโพธิสัตว์ท่านยังสงเคราะห์ลูกหลาน ลูกศิษย์ อยู่ถ้าอันใดสงเคราะห์ได้ท่านก็สงเคราะห์ (ผู้หญิงคนนั้น บอกต่อว่า หลวงพ่อฤาษีฯท่านรู้ด้วยว่าแขวนเหรียญพระอรหันต์ และยังรู้ด้วยว่าขอให้ถูกหวยแต่ไม่ถูก รวมทั้งรู้ด้วยเคยมาขอหวยกับหลวงพ่อปานแล้วถูก ) ที่นำเสนอดังนี้ เพื่อให้ทุกท่านได้ทราบว่า ยังมีหลวงปู่เพชร ปทีโป พระโพธิสัตว์บารมีเต็มที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตอันใกล้อีกหนึ่งองค์ผู้ซึ่งประทับรอยเท้าบนแผ่นหินได้ พระวัตถุมงคลของท่านก็อธิษฐานจิตบารมี 30 ทัศ ไว้ด้วย เพื่อไว้คุ้มครองลูกหลาน ลูกศิษย์ ลูกหา ผู้ซึ่งนับถือท่าน ไว้ทุกประการ
|
|
|
|
porpek13
|
|
« ตอบ #123 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555, 15:43:18 » |
|
พระสมเด็จหลังหลวงปู่เพชรรุ่นแรก เป็นพระที่มีประสบการณ์มากที่สุด และเป็นที่นิยมแขวนทั้งชาวไทย ชาวลาว มีประสบการณ์มากมาย เช่นคนลาว แขวนไปทำนาข้าว ถูกฟ้าผ่า สร้อยสแตนเลส และกรอบสแตนเลสละลาย แต่คนไม่และพระไม่เป็นอะไรเลย คนไทยขับมอเตอร์ไซด์ไม่ใส่หมวกกันน็อค ขับไปชนประสานงากับรถสองแถว รถมอเตอร์ไซด์พังยับ แต่คนขับไม่เป็นอะไรเลย แค่รอยถลอก ฟกช้ำดำเขียวนิดหน่อย
|
|
|
|
|
porpek13
|
|
« ตอบ #125 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2555, 19:10:41 » |
|
จากประสบการณ์บางตอนของลูกศิษย์หลวงปู่เพชร ปทีโปประมาณปลายเดือนพฤษภาคม 2555
วันนี้ขอเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับฟ้าฝนให้ทุกท่านอ่านกัน ผมมีงานเสริมคือขายของตลาดนัดวันอาทิตย์ ขายแค่วันอาทิตย์วันเดียวนี้หล่ะ ปัญหาหลักของชาวตลาดนัดก็คือ ฝนตก ตกที่ไรเจ๊งทุกที วันนี้ก็เจอกับเมฆฝน2ก้อน ก้อนแรกมาตอนประมาณบ่าย2มาจากทางอุดรทั้งดำและลมเย็นๆก็นึกถึงหลวงปูเพชรว่าอย่าเพิ่งตกถ้าจะตกก็ไปตกทางอื่นน่ะหลวงปู่ ผลออกมาตกแต่ตกห่างออกไปประมาณ1กิโลเพราะพวกรถพ่อค่าที่วิ้งมาเห็นเปียกฝนมากันแสดงว่าฟ้าฝนมาแล้วก็มีเสียงฟ้ารองให้ตื่นเต้นกันเป็นบางครั้งแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีมาเจอก้อน2อีกที่ตอน1ทุ้มดำมาจากทางท่าบ่อพ่อค้าบางส่วนเห็นแล้วก็เริ่มพากันเก็บของบางส่วนเดียวตกมาจะเก็บไม่ทัน ผมก็ขอหลวงปู่ตามเดิม จนเก็บตลาดเมฆก้อนนั่นก็มาไม่ถึงแต่ก็ทำให้พ่อค้าตื่นเต้นได้มากอยู่
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ฟ้าฝนเป็นเรื่องไม่แน่นอน ศรัทธาอยู่ที่ใจเป็นเรื่องแน่นอน ขอกราบหลวงปู่เพชรครับ
|
|
|
|
porpek13
|
|
« ตอบ #126 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2555, 21:21:58 » |
|
รูปหล่อโบราณ หลวงปู่เพชรฐานอุดเกศา ตะกรุด ชันนางโรงครับ
|
|
|
|
porpek13
|
|
« ตอบ #127 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2555, 16:53:31 » |
|
หลวงปู่เพชร ปทีโป ท่านเสกใบไม้เป็นกบมีนักสะสมพระเครื่องระดับเซียนยุคต้นในจังหวัดหนองคาย (เซียนระดับขุดพระกรุสำคัญในหนองคาย..หินโงม..ดอนกุ้งดอนแก้ว..วัดคงกระพันชาตรี..เขาหล่ะ พระกัจจายน์กรุวัดธาตุ นางธาตุบังพวน)ชวนเพื่อนสนิทไปกราบปู่เพชร ยุคนั้นกันดารกันมากไฟฟ้ายังไปไม่ถึงท่านนี้ปรนนิบัติหลวงปู่ตั้งแต่เช้า พอมื้อเย็นเริ่มหิว ตลาดก็แสนจะไกลหลวงปู่ว่า ใต้ถุน ตรงที่ล้างเท้ามีกบใหญ่อยู่เอามากินเสีย (เอเป็นพระเป็นเจ้าขวนปาณาติบาต หรือ?)ญาติผมลงไปหาไม่เจอ จึงขึ้นมาบ่นกับหลวงปู่ ท่านว่าเออเดี๋ยว....ท่านเอาใบพลูมาเป่า แล้วว่าได้กบแล้วมื้อนี้อิ่มหนำสำราญกับขาโต้ยกบ อย่างนี่เขาเรียกอภิญญาไหมครับ... เรื่องถวายอีกครึ่งหวีก็ได้สมัยก่อนมีโยมผู้หนึ่งตั้งใจ จะไปกราบหลวงปู่ที่วัด และตั้งใจนำกล้วยสุกมาถวายด้วยหนึ่ง หวี แต่ทางไปวัดหลวงปู่นั้นทั้งไกล และลำบากมากต้องเดินเข้าไป จากถนนเลียบโขง หนองคาย-เมืองเลย ตรงทางแยก น้ำตกธารทอง บ้านผาตั้งเข้าไปไม่มีรถต้องเดินเข้าไป และเมื่อเดินไปถึงประมาณกลางทางก็เวลาประมาณเที่ยงเกือบบ่าย แล้วก็หิวมากก็เลยตัดสินใจกินกล้วยที่นำมาถวายหลวงปู่เพื่อประทังความหิว แต่ก็ทานไม่หมดเหลืออยู่ประมาณครึ่งหวี ด้วยความที่กลัวหลวงปู่จะตำหนิก็เลยเอากล้วยที่เหลือทิ้งไป แล้วก็ออกเดินทางต่อจนถึงวัด เมื่อถึงวัดแล้วก็จะเข้าไปกราบนมัสการหลวงปู่ แต่ประโยคแรกที่หลวงปู่ทัก หลวงปู่บอกว่า "เหลือเท่าไหร่ก็เอามาถวายเท่านั้นก็ได้ ไม่ต้องเอาไปทิ้งหรอก โยม คนนั้นถึงกับขนลุก ว่าหลวงปู่รู้ได้อย่างไร" แล้วก็เข้ากราบนมัสการและขอขมาหลวงปู่
|
|
|
|
porpek13
|
|
« ตอบ #128 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2555, 20:40:01 » |
|
รูปหล่อโบราณสวยๆ อีกหนึ่งองค์ครับ
|
|
|
|
|
porpek13
|
|
« ตอบ #130 เมื่อ: 07 มิถุนายน 2555, 12:03:05 » |
|
เรื่องตะกรุด ฝนแสนห่า
คุณอาบริบูรณ์ เรียนถาม หลวงปู่ว่าหลวงปู่ครับ ฝนแสนห่า เป็นยังไงหรอครับ ดียังไงเหรอ หลวงปู่ก็เลยถามกลับว่าอยากได้เหรอ (ถามอย่างนี้ก็เข้าทางคุณอาบริบูรณ์เลยครับ)คุณอาบริบูรณ์ก็เลยบอกว่าอยากได้ครับหลวงปู่
แล้วหลวงปู่ก็เดินเข้าไปในห้อง ประมาณไม่กี่นาที หลวงปู่เดินก็ออกมา แล้วยื่นตะกรุดฝนแสนห่าให้ คุณอาบริบูรณ์ อาบริบูรณ์แกดีใจมากครับที่หลวงปู่เมตตา ทุกวันนี้ตะกรุดดอกนั้นก็ยังอยู่กับแกตลอดเวลา แกยังเอาให้ดูเลยครับ เรื่องนี้อาบริบูรณ์เล่าให้ฟังเองกับปากเลยครับ คุณอาบริบูรณ์อยู่ กรุงเทพฯ แกเป็นคนจีน ไหลหลำ อายุ ประมาณ 70 ทุกวันนี้แกยังขับรถยนต์จากกรุงเทพฯมาหนองคายประจำเพื่อปฏิบัติธรรมครับ
เรื่องฝนแสนห่า หลวงตาองค์ปัจจุบัน เล่าให้ฟังว่า ต้องเป็นผู้มีสมาธิดี พลังจิตสูงนะถึงจะทำได้สำเร็จ เพราะไม่เช่นนั้น ธาตุไฟแตก หลวงตา(เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน) บอกอย่างนั้น และหลวงตายังเล่าให้ฟังอีกว่าจริงๆแล้วฝนแสนห่านะ ต้องสวดแสนจบนะ ถึงจะสมบูรณ์หลวงตาเล่าให้ฟังอย่างนี้ครับ
|
|
|
|
porpek13
|
|
« ตอบ #131 เมื่อ: 07 มิถุนายน 2555, 12:03:42 » |
|
ไปปรากฏบนยอดเขาได้อย่างอัศจรรย์
เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว โยมเก้า เอกพันธ์ และคณะได้นำหลวงปู่ไปนมัสการพระพุทธบาท พระธาตุเจดีย์ที่เก่าแก่ทางภาคเหนือเพราะท่านเคยไปธุดงค์ และมีนิมิตเห็นพระพุทธบาท 4 รอย ที่เชียงใหม่ไปถึง 2 ครั้ง จึงได้ขึ้นโดยบนนั้น มีพระองค์หนึ่งมีม้า 1 ตัว เป็นพาหนะสำหรับนำคนผู้มีศรัทธาจะขึ้นไปนมัสการรอยพระบาท พระและโยมก็ต้องนิมนต์ท่านนั่งบนหลังม้า แต่ท่านก็ปฏิเสธไม่ยอมขึ้นม้า ท่านบอกว่าเป็นอาบัติ หลวงปู่ให้พระ โยมขึ้นไปก่อนให้ค้างบนเขานั้น 1 คืน ตอนกลางคืนท่านจึงจะขึ้นไป พอตอนกลางคืนก็ปรากฏเห็นท่านอยู่บนยอดเขานั้นแล้ว อย่างน่าอัศจรรย์ในบุญบารมีของท่านยิ่งสร้างศรัทธายิ่งขึ้น แก่คณะโยมเก้า และพระภิกษุสงฆ์ผู้อุปัฏฐากติดตามเป็นอย่างยิ่ง
|
|
|
|
porpek13
|
|
« ตอบ #132 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2555, 09:44:41 » |
|
อุปนิสัยหลวงปู่เพชร ปทีโป
หลวงปู่เพชร ปทีโป ชอบปฏิบัติธรรมด้านสมถะ วิปัสสนาเป็นชีวิตจิตใจมาโดยตลอดอย่างเคร่งครัด ชอบที่วิเวก สงัด ขรึมไม่ชอบพูดคุยมากนัก สอนแต่น้อย ปฏิบัติให้มาก แต่ไม่หนีแขก คนไปคนมา ท่านจะแนะนำว่า ?ควรทำเป็นกัมมัฏฐานทุกๆ อิริยาบถ? คือ ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม ทำ พูด คิด ให้เป็นสมถะวิปัสสนา
กิจประจำ
หลวงปู่เพชร สวดมนต์เก่ง นั่งสมาธิแผ่เมตตา เดินจงกรมกัมมัฏฐาน อ่านหนังสือ จารหนังสือ เขียนผ้ายันต์ตัวธรรม แกะสลักพระพุทธรูปสวยงาม เทศน์ทำสลับกันอยู่เป็นประจำ ไม่ชอบทำงานคั่งค้าง อากูลรีบทำให้เสร็จเป็นอย่างๆ ไป ไม่ชอบคลุกคลีด้วยหมู่คนมากๆ วาจาท่านศักดิ์สิทธิมาก พูดอะไรต้องเป็นไปตามนั้นเสมอ ตะกรุด ผ้ายันต์ เหรียญ มงคลท่านทำมีอานุภาพมาก แต่ไม่ชอบทำบ่อยเฉพาะวันสำคัญ หรือมีคนมาขอรับความเมตตาเท่านั้น
คติธรรมประจำใจ
?คนหลัก เป็นคนใบ้ เจียมใจหายาก นักปราชญ์เป็นซาเพ้อ ไผซิฮู้ฮอมเห็น? หมายความว่า ?คนที่ฉลาดแหลมคมทำตัวเป็นคนโง่ คนไม่ฉลาดแต่ถ่อมตัวเก็บไว้ภายในเหมือนคมในฝัก การเป็นนักปราชญ์ แต่แกล้งทำตัวเป็นคนบ้าแกล้งเป็นคนเขลาเบาปัญญา ใครจะหยั่งรู้จิตใจกันได้บ้าง?
|
|
|
|
porpek13
|
|
« ตอบ #133 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2555, 09:49:08 » |
|
การปฏิบัติธรรม
ได้ยึดหลักการปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานตามแบบของหลวงปู่ศรีทัต และสมเด็จลุน ถือธุดงค์วัตรปฏิบัติไปมาไทย ลาว ชอบอยู่ตามภูเขาควาย สำนักถ้ำคูหา ถ้ำน้ำทน ถ้ำคอกม้า พระพุทธบาทโพนฆ้อง พระบาทโพนฉัน ติดตามหลวงปู่ศรีทัต ธุดงค์ร่วมกับ หลวงปู่เครื่อง ธัมมจาโร หลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปู่คง คัมภีโร หลวงปู่ด่อน อินทสโร ถ้ำเจียไปซ่อมแซมพระพุทธบาทบัวบก อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ร่วมสร้างพระธาตุท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม และอีกหลายแห่งที่เป็นพระพุทธบาท สำนักกัมมัฏฐาน รวมเวลาอยู่แสวงหาโมกขธรรม ปฏิบัติกัมมัฏฐานอยู่ฝั่งลาวถึง 43 ปี (ด้วยเหตุนี้จึงมีหลายคนคิดว่าท่านเป็นคนเชื้อสายลาว แต่แท้จริงท่านเป็นคนไทยเชื้อชาติไทย สัญชาติไทยโดยกำเนิดเลย โดยท่านถือกำเนิดที่สุขาภิบาลคอนสาร อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2425)
การปฏิบัติเมื่อกลับประเทศไทย
การปฏิบัติธรรมของท่านเมื่ออยู่ที่อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ได้ก่อสร้างวิหารครอบรอยพระพุทธบาทผาจ่อง บ้านปากโสม และเสนาสนะต่างๆ ทุกอย่างในวัดเปิดสำนักปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานมาหลายสิบปี จึงย้ายสำนักมาปฏิบัติที่สำนักพระธาตุผาใหญ่ บ้านห้วยไซยงัว ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย บนหลังภูพาน(ชาวบ้านเรียกถ้ำห้วยม่วง)โดยได้มีโยมอุบาสิกาเก้า เอกพันธ์ พร้อมคณะศรัทธาทางกรุงเทพฯ เป็นโยมอุปัฏฐากอุปถัมภ์สร้างวัดเจดีย์ อุโบสถ ศาลา กุฏิและต่างๆ เป็นอันมาก ทางส่วนอำเภอสังคม และอำเภอใกล้เคียงก็ได้มาร่วมอนุโมทนาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน
ทำสมาธิจิต
ท่านทำสมาธิจิต แผ่เมตตาแก่บ้านที่เดือดร้อนขัดข้อง อยู่ไม่เย็นเป็นสุข ท่านไปทำหลักบ้านให้ดีทุกแก่งเช่น บ้านนางัว บ้านปากโสม บ้านผาแดง บ้างแก้งใหม่ บ้านนาโคก บ้านสังกะสี บ้านนาขาม บ้านดงต้อง บ้านห้วยไซยงัว เป็นต้น ฝั่งลาวก็มีหลายสิบหมู่บ้าน ทั้งนี้เพราะสมาธิจิต เมตตาท่านสูงมาก
|
|
|
|
porpek13
|
|
« ตอบ #134 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2555, 09:49:33 » |
|
บั้นปลายชีวิต
หลวงปู่เคยปรารภว่า ?คนตายแล้วไม่น่าจะให้คนอื่นที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ลำบากด้วยเลย? โดยประการทั้งปวง เช่นสร้างที่ใส่กระดูกก็บอกว่าเอากระดูกเข้าธาตุเจดีย์ ซึ่งเอาคำของพระอรหันต์มาใช้ เพราะพระธาตุพระเจดีย์เป็นที่บรรจุอัฐิของพระอรหันต์ คนเราธรรมดาจะไปเลียนแบบไม่งามเป็นการยกตนเทียมท่าน ดังนั้นเมื่อตายแล้วท่านก็สั่งไว้มิให้เก็บศพไว้นาน เพราะท่านสงสารสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่จะตายด้วย เพราะงานศพท่าน มีลูกศิษย์แย้งว่า ถ้าเก็บศพไว้บำเพ็ญของท่าน ลูกศิษย์จะได้มาร่วมบุญมากๆ อุทิศบุญให้หลวงปู่มากๆ ปัจจัยบำรุงวัดก็จะได้มาก หลวงปู่ท่านตอบว่า ดีมีเหตุผล แต่ของหลวงปู่ไม่อยากให้ทำ กลัวจะลำบากหมู่พวก ถ้าพูดถึงบุญกุศลเป็นของดี แต่หลวงปู่ทำเองด้วยตนเองมามากแล้ว สงสารแต่หมู่พวกศิษย์โยมต่างๆ นั่นแหละ ควรสงสารตัวเองเถอะ อย่าได้สงสารปู่เลย เมื่อเป็นเช่นนั้นคณะศิษย์ต่างๆ ก็ทำตามคำปรารภของหลวงปู่
ละสังขาร
หลวงปู่เพชร ได้อนุญาตให้โยมอุปัฏฐากทำการก่อสร้างอุโบสถขึ้น 1 หลัง สำเร็จบริบรูณ์ สั่งให้ทาสีพระธาตุเจดีย์ใหม่ ถวายอุโบสถแก่สงฆ์ ให้เสร็จบริบูรณ์ สำเร็จทุกอย่างแล้วท่านก็ลาคณะศิษย์ทุกคนเพื่อมรณภาพ ตามอายุขัย ที่กำหนดโดยอาการสงบ ณ วัดพระธาตุผาใหญ่ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2527 เวลา 19.10 น. ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 12 ปีชวด รวมอายุได้ 101 ปี 11 เดือน 22 วัน
|
|
|
|
|