หลวงพ่อเขียน ฐานวโร นามเดิม นาย ขอ. ท่านได้พา บิดา มารดา ญาติโยม ย้ายมาจากอำเภอเขื่องใน ท่านจบการศึกษา มูลกระจายณสูตร มหาวรรค จุลวรรค มีความเชียวชาญมากในการแปลบาลี ธรรมบท มีความจำเป็นเลิศ และท่านยังเชี่ยวชาญในวิปัสนากรรมฐานเพราะท่านได้ศึกษาวิปัสนากรรมฐานจาก พระครูศรีสุตตาภรณ์ หลวงปู่ศรี วัดบ้านคูขาด อำเภอเขื่องใน และท่านยังได้เรียนกรรมฐานกับหลวงปู่แพง วัดสิงหาญ เมื่อคราวจำพรรษาวัดบ้านคูขาด เพราะพระครูศรีสุตาภรณ์กับ หลวงปู่แพง วัดสิงหาร มีความสนิดสนมกัน แลกเปลี่ยนวิชากันอยู่เรื่อยๆ ดังนั้น หลวงพ่อเขียนจึงได้รับการถ่ายทอกวิชาการทางรักษาโรคจากหลวงปู่แพงอีกด้วย ท่านได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดพันธวิชาท่านได้เริ่มก่อตั้งเป็นสำนักเป็นสำนักเรียน และพัฒนาหมู่บ้าน สร้างอ่างเก็บน้ำไว้ใช้ยามแล้ง พาชาวบ้านตัดถนนทางเดินรถเข้าตัวเมืองเพื่อความเจริญ วางผังหมู่บ้านให้เป็นระบบระเบียบ ท่านมีความอดทนอุสาหะเป็นยิ่ง ท่านได้เลื่อนเป็นพระอุปฌาย์ตำบลไก่เขี่ย (ตำบลไก่คำในปัจจุบัน) ในปี 2498 ท่านเป็นที่เคารพของข้าราชการปกครองในเมืองอำนาจจนได้มีการสร้างเหรียญถวายท่านในวาระฉลองตำแหน่ง จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่า วัย 98 ปี ว่าท่านเก่งหลายทาง ทั้งวิปัสสนากรรมฐาน แปลบาลี วิชาอาคม วิชาแพทย์ เป็นที่พึ่งของคนในตำบลในสมัยนั้น ครั้งหนึ่งมีคนเห็นท่านใช้ไม้หวายปาดต้นกล้วยครั้งเดียวถึงกับขาดเป็น 2 ท่อน เพื่อกำหลาบนักเรียนในสำนักเพื่อการปกครอง บางครั้ง ท่านทำงานหนักมาเหนื่อยๆ เมื่อสรงน้ำสเสร็จท่านก็จะนั่งกรรมฐานต่อ และเดินจงกรม มีคนเล่าว่าบ่างครั้งมาจากงานดูหมอลำต่างบ้านในสมัยนั้นต้องเดินไป พอกลับต้องผ่านหลังวัด ตี 3 ตี 4 ก็จะเห็นท่านเดินจงกรมยุในวัด ท่านเป็นพระนักพัฒนา นักปฏิบัติอีกรูปหนึ่งที่น่าเคารพนับถือในจังหวัดอำนาจเจริญ จนเจ้าคณะได้ขนานนามท่านว่า หลวงพ่ออินทร์เขียน อำนาจเจริ