?>
ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน
The Buddhist Art Conservation Club Of Esan (North Eastern Part Of Thailand)
01 เมษายน 2568, 06:16:55 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

กติกาในการ เช่า-แลกเปลี่ยนพระเครื่อง | พระเครื่องเมืองอุบลราชธานี | แจ้งปัญหาการใช้งาน
แจ้งเรื่องการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่จะให้เช่าพระเครื่องฯ | วิธีสมัครสมาชิกเว็บ

หน้า: 1 ... 8 9 [10]
 91 
 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2567, 05:58:10 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
"รู้อะไรไม่เท่า รู้ใจของตนเอง"

"  การอบรมภาวนานั้นหมายความว่า "ทำใจของตนให้เป็นอารมณ์อันเดียวอยู่ในจุดเดียว ให้รู้ใจของตนว่า คิดดีคิดชั่วหยาบและละเอียดอยู่ตลอดเวลา"
ยืน เดิน นั่ง นอน คิดดีก็พยายามประครองอารมณ์นั้นไว้ให้เกิดปิติอิ่มใจ
"คิดชั่วก็พยายามละทิ้ง อย่าให้ติดอยู่กับใจ" ทำความรู้เรื่องของใจเท่านี้เป็นพอ "
ไม่ไปรู้เรื่องอื่น เรื่องอื่นของคนอื่นไม่ใช่เรื่องของเรา" ถ้าเราเข้าไปเกี่ยวข้องแล้วจะทำให้เราไม่ได้ภาวนา
คือหัดทำความสงบของใจ "รู้ใจของตนอยู่เสมอว่า คิดดีคิดชั่วหยาบและละเอียดทุกอิริยาบถ" ไม่ต้องอยากรู้โน่นนี่ต่าง ๆ นานา มันไม่เป็นภาวนาเสียแล้ว
"รู้อะไรไม่เท่ารู้ใจของตนเอง" หากมันจะรู้ก็ให้มันเกิดเองเป็นของมันเอง จะไปคิดปรุงแต่งให้มันเกิดขึ้นมาใช้ไม่ได้ เมื่อมันเกิดขึ้นก็จงรักษาสติคุมใจให้อยู่ก็แล้วกัน .. "

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี

 92 
 เมื่อ: 20 ธันวาคม 2567, 05:35:36 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
เรื่องปัจจัยธาตุสี่นี้
----------------------
ถ้ามันฟุ่มเฟือยมาก ก็เป็นอุปสรรคแก่การภาวนาของผู้ที่ยังไม่เป็นอย่างสำคัญ
วัดใดสำนักใดที่ปัจจัยลาภมากมักทะเลาะกัน และการศึกษาธรรมะก็ไม่เจริญเท่าที่ควร
ถึงทางโลกๆ ที่เป็นพื้นฐานอยู่นี่ก็เหมือนกัน

ลาภสักการะ เกิดมีขึ้น ณ ที่ใด ที่นั้นย่อมเป็นภัยอันตรายแก่คนหมู่มาก
เป็นเจ้านายฉ้อราษฏร์บังหลวง โกงกินกันแหลกลาญไปหมด
ทะเลาะกันเพราะผลประโยชน์ไม่เท่ากัน

พ่อค้าประชาชน ผู้มีอิทธิพลขัดผลประโยชน์กัน ฆ่ากันตายนับไม่ถ้วน
พระพุทธองค์จึงตรัสไว้ว่า “ กาโร กาปุริสัง หันติ “ สักการะย่อมฆ่าบุรุษผู้มีปัญญาทราม ดังนี้ .

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

 93 
 เมื่อ: 19 ธันวาคม 2567, 05:50:31 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
"..กายอันนี้เกิดมาทีแรกก็เป็นทุกข์ ความเป็นอยู่ในปัจจุบันก็เป็นทุกข์ คราวที่สุดจวนจะตายก็เป็นทุกข์ หาความสุขสบายของกายอันนี้แม้แต่น้อยหนึ่งย่อมไม่มีเลย

เว้นไว้แต่ผู้ยังหลงมัวเมาเข้าใจว่าทุกข์เป็นสุขเท่านั้น

เหตุนี้พระพุทธองค์จึงได้ทรงตรัสไว้ว่า “ในโลกนี้นอกจากทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นย่อมดับไป ย่อมไม่มีอะไร” ดังนี้

ฉะนั้น ผู้มาพิจารณากายนี้ให้เห็นเป็นทุกข์ดังอธิบายมานี้แล้ว ย่อมเบื่อหน่ายในกายนี้ แล้วพยายามหาวิถีทางที่จะหนีให้พ้นจากทุกข์.."


หลวงปู่เทสก์เทสก์ เทสรํสี
ที่มา ส่องทางสมถวิปัสสนา

 94 
 เมื่อ: 16 ธันวาคม 2567, 07:18:27 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
“..อารมณ์ แปลว่า สิ่งที่พอใจยินดีถึงแม้สิ่งอันที่ไม่พอใจ มีความโกรธความเกลียดเป็นต้น มันก็พอใจผูกพันอยู่กับความโกรธ ความเกลียดนั้น คือ มันไม่ทิ้งไม่วางนั่นเอง จึงเรียกว่าอารมณ์

ที่เกิดของอารมณ์ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ที่เรียกว่าอายตนะทั้งหก เป็นบ่อเกิดของอารมณ์ ท่านว่าเป็นบ่อเกิด มิใช่เกิดจากอายตนะ

ความเป็นจริงอารมณ์ มิใช่เกิดจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย มันเกิดจากจิตต่างหาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นแต่เพียงประตู

เปรียบเหมือนประตูหรือหน้าต่างของบ้านเรือนนั่นแหละ พอได้ยินเสียงอันใดก็ไปเปิดประตูดู ไปส่องดูตามหน้าต่าง อยากเห็นอะไรก็ไปส่องดูตามนั้นแหละ แต่ผู้ส่องไม่ใช่หน้าต่าง หน้าต่างเป็นเพียงช่องสำหรับส่องดู ผู้ส่องดูคือคนดูต่างหาก

ถึงแม้จะไม่มีประตูหน้าต่าง คือ ไม่มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย แต่จิตมันยังมีอยู่ มันก็ยังเห็นอยู่ ดังนั้น จึงว่าอารมณ์ไม่ได้เกิดที่ ตา หู จมูก ลิ้น กายนั่นหรอก มันเกิดที่จิต

ถ้าหากเรามาพิจารณาแยกออกไป แยกกาย แยกใจ กับอารมณ์นั้นก็จะเห็นชัดด้วยใจของตนเองว่า..อารมณ์เป็นอันหนึ่ง ใจเป็นอันหนึ่ง อายตนะเป็นอันหนึ่ง แต่อารมณ์ก็เกิดจากจิตนั่นเอง...”


หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี

 95 
 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2567, 05:52:47 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
ทำให้มาก เจริญให้ยิ่ง
ผู้ชำนาญในวสีห้านี้ ฌาน-สมาธิของผู้นั้นจะไม่มีเสื่อมเลย พระพุทธองค์จึงทรงตรัสย้ำว่า “ภาวิตา พหุลีกตา อภิญฺญาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ” แปลว่า ท่านทั้งหลายจงทำให้มาก เจริญให้ยิ่ง จึงจะเป็นไปเพื่อความตรัสรู้ เพื่อความดับทุกข์ดังนี้ คือพระองค์ประสงค์ว่า ทั้งผู้ที่กำลังเจริญอยู่ก็ดีหรือผู้ที่เจริญเป็นไปแล้วก็ดีในกรรมฐานหรือฌาน-สมาธิ-วิปัสสนาใดๆ ก็ตาม ไม่ให้ประมาท จงพากันเจริญอยู่เสมอๆ เพราะสิ่งที่จะยั่วยวนชวนให้เราหลงใหล มีอยู่รอบตัวในตัวของเรานี้ตลอดกาล
ถ้าผู้ใดมาเห็นว่า ตัวของเราทั้งหมดพร้อมด้วยสิ่งแวดล้อม ตกอยู่ในภายใต้ของกามคุณห้า จะทำอย่างไรๆ ก็เอาชนะมันไม่ได้ ไปไม่พ้นแล้ว ผู้นั้นชื่อว่า “เป็นผู้ยอมแพ้แล้ว (ตั้ง)แต่ยังไม่ทัน ออกสู่สนาม”
ถ้าผู้ใดมาเห็นว่า การรักษาอายตนะทั้ง ๖ เป็นการยุ่งยากลำบากมาก ผู้นั้นได้ชื่อว่า “กำลังต่อสู้กับข้าศึกอยู่ ชัยชนะมอบไว้ให้แก่กาลเวลาในอนาคต”
ถ้าผู้ใดมาเห็นว่า อายตนะทั้ง ๖ เรารู้เท่าเข้าใจตามความเป็นจริงแล้ว อารมณ์ทั้ง ๖ เราเอาชนะมันได้แล้ว ผู้นั้น ได้ชื่อว่า “ใกล้อวสานแห่งการแพ้ต่อข้าศึกอยู่แล้ว ความหายนะ กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้เข้า ทุกวินาที”

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
ที่มา ธาตุ-ขันธ์-อายตนะ สัมพันธ์


 96 
 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2567, 05:44:47 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
การภาวนา คือ การอบรมจิตใจให้มีความสงบ
เป็นการชำระจิตใจให้สงบจากอารมณ์ต่าง ๆ
ยิ่งเป็นการละเอียดไปกว่าการรักษาศีลอีก

จิตของเราถ้ายังไม่สงบตราบใดแล้ว มันก็จะต้องยุ่งวุ่นวายอยู่ตราบนั้น
เมื่อมาฝึกหัดภาวนา เห็นโทษเห็นภัย ของความยุ่ง ความไม่สงบด้วยตนเองแล้ว
เราก็จะพยายามทุกวิถีทางที่จะละความไม่สงบ
เมื่อสิ่งใดที่ละได้แล้ว อารมณ์ใดที่วางได้แล้ว
เราก็จะต้องรักษาไม่ให้สิ่งนั้น มันเกิดขึ้นมาอีก
ไม่ใช่ว่าเราละได้แล้ว ก็แล้วไปเลย ไม่ต้องคำนึงถึงมันอีก อย่างนั้นไม่ถูกต้อง
เพราะมันอาจสามารถที่จะฟื้นฟู ขึ้นมาใหม่อีก ถ้ามันเกิดมาทีหลังจะยิ่งร้ายกว่าเก่า

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
(ธรรมเทศนาเรื่อง มาร)

 97 
 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2567, 01:23:40 
เริ่มโดย maxnaka - กระทู้ล่าสุด โดย maxna
ตะกรุดพญางูเหลือม รุ่นแรก ปี 2566
จำนวนการจัดสร้าง 39 ดอก ตอกโค๊ดตราสายธรรมอุตฺตโมบารมี พร้อมลันโค๊ดตัวเลขทุกดอก

อธิษฐานจิตโดย ญาถ่านเบิ้ม อุตฺตโม วัดวังม่วง   อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี
บรมครูใหญ่สายธรรมอุตฺตโมบารมี
ผู้สืบทอดรุ่นที่ 3 ศิษย์แห่งบูรพาจารย์ปรมาจารย์ญาถ่านสำเร็จลุน

กว่าจะได้มา หนังงูเหลือม ร้อยปี ตามตำรา หรือคำบอกเล่าว่า ถ้ามีอายุร้อยปีขึ้น หนังงูจะถูกเรียกว่า หนังพญางูเหลือม
เมื่อกล่าวถึงงูเหลือมเราคงรู้ดีว่าโดยธรรมชาติของงูชนิดนี้จะตัวใหญ่และเลื้อยได้ช้ากว่าเหยื่อหลายเท่า แต่ก็สามารถจับเหยื่อที่มีขนาดใหญ่และมีความไวกว่ามันหลายเท่ากินได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องออกแรงไล่ล่าเหยื่อ แต่จะนอนรอคอยเหยื่อให้เข้ามาหามันเอง สัตว์ที่เข้ามาใกล้เมื่อได้สบตาต่างแน่นิ่งอ่อนละทวยเหมือนดั่งต้องมนต์สะกด ให้มันจับกินอย่างง่ายดาย และงูตัวเมียก็จะเลื้อยเข้ามาให้มันผสมพันธ์อย่างไม่ขาดสาย ดั้งนั้นงูเหลือมนี้ จึงมีดี มีความขลังอยู่ในตัวโดยไม่ต้องปลุกเสกก็ขลังแล้ว  และคนก็เชื่อว่าเมื่อฝันถึงงูก็จะเจอเนื้อคู่ หรือเซียนพนันคุณปู่คุณตานำมาทำเป็นเครื่องรางของขลังกันมาก เมตตามักนำเดือยงู หรือนำเอามันงูมาเคี้ยวมาทำเครื่องรางของขลังในการเสี่ยงโชคกันมาก งูเหลือมที่นำมาทำตะกรุดเป็นงูนอนตาย (ตายพราย) อยู่ในป่าอ๋อย
พุทธคุณตามความเชื่อ
1.ดีทางด้านโชคลาภนำตะกรุดนี้พกติดตัว ก่อนออกจากบ้านไปเสี่ยงดวงหรือทวงหนี้ ก็จะมีแต่โชคแต่ลาภเข้ามาโดยตลอด หรือไปทวงหนีลูกหนีก็จะใจอ่อนยอมคืนหนี้ให้
2.ดีทางด้านทำมาหากินลูกค้าก็จะเข้ามาอุดหนุนสินค้าเองโดยตลอดเหมือนดังเหยื่อที่เดินเข้ามาให้งูเหลือมนอนรอกินแบบสบายๆมีกินไม่อดอยาก
3.ดีทางด้านเมตตามหาเสน่ห์จะเป็นเมตตามหานิยมคนรักคนชอบ มีเสน่ห์ในตัว ดึงดูดใจเพศตรงข้ามเหมือนดั่งงูตัวเมียที่เข้ามาให้มันผสมพันธ์อยู่ตลอดเวลา

 98 
 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2567, 06:36:49 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
อายตนะทั้งหลาย เป็นเครื่องวัดจิตของตนได้อย่างดีที่สุด
เมื่ออายตนะ มากระทบจิตของเรา เราหวั่นไหวหรือไม่

เมื่อหวั่นไหวมาก ก็แสดงว่า มีสติน้อย
มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ ก็ยังน้อย

เมื่อหวั่นไหวน้อย หรือไม่หวั่นไหวเสียเลย ก็แสดงว่า มีสติมาก
มีธรรมะเป็นเครื่องอยู่มาก แล้วรักษาตัวได้


หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี

 99 
 เมื่อ: 12 ธันวาคม 2567, 05:49:21 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
การฝากปัจจัยทำบุญ
------------------------------

ถาม     สมมุติว่าเขาฝากปัจจัยผมมาทำบุญ
            ผมไม่ได้เอามาทำบุญ จะลืมหรืออย่างไรก็แล้วแต่
           กับเขาฝากมาแล้ว ผมเอามาทำบุญ
            คนที่เขาทำบุญได้บุญเท่ากันไหมครับ?
ตอบ     เท่ากัน
           บุญเกิดตั้งแต่ฝากทีแรกแล้ว
            คุณจะนำมาทำบุญหรือไม่ทำก็ได้อยู่แล้ว ได้ตั้งแต่ทีแรก

ถาม      ได้เท่ากันหรือครับ?

ตอบ      ได้เท่ากัน เหมือนกัน คือ
            เจตนาว่าจะทำบุญละ มันเป็นบุญของเขาแล้ว
            จะเอามาทำบุญหรือไม่ทำก็ตามเถอะเขาได้แล้วนั่น
            ถ้าไม่เอามาทำบุญก็เป็นบาปของคุณ


หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

 100 
 เมื่อ: 11 ธันวาคม 2567, 06:22:13 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
"..บางคนบอกว่า ไม่เห็นทุกข์...."
อยู่กับทุกข์ ทุกวันทุกคืน ไม่เห็นอย่างไร ? ทำไมจึงไม่พิจารณา
ยืน เดิน นั่ง นอน เปลี่ยนอิริยาบถ ก็ล้วนแต่เปลี่ยนเพื่อระงับทุกข์
การอยู่ การกิน การนอน ก็ล้วนแล้วแต่เพื่อระงับทุกข์ทั้งนั้น
การเจ็บการป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ เรียกว่า เวทนา มันมีอยู่ประจำ
ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ เป็นหนาว ด้วยอาการต่าง ๆ ก็ล้วนแต่เรื่องทุกข์ทั้งนั้น
ครั้นพิจารณาลงอันเดียวมันเห็น เห็นในตัวของเรานี่แหละ ไม่ต้องไปพิจารณาที่อื่น อย่างนั้นจึงเป็นกัมมัฏฐานแท้.

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
พระธรรมเทศนาเรื่อง การพิจารณากัมมัฏฐาน

หน้า: 1 ... 8 9 [10]
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.19 | SMF © 2006-2009, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!