?>
ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน
The Buddhist Art Conservation Club Of Esan (North Eastern Part Of Thailand)
21 พฤศจิกายน 2567, 19:21:03 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

กติกาในการ เช่า-แลกเปลี่ยนพระเครื่อง | พระเครื่องเมืองอุบลราชธานี | แจ้งปัญหาการใช้งาน
แจ้งเรื่องการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่จะให้เช่าพระเครื่องฯ | วิธีสมัครสมาชิกเว็บ

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 10
 31 
 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2567, 06:18:14 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
สิ่งที่ไม่จริงของเขาเรียกว่าของสิ่งหลอกลวง......
ของโลกนี้ทั้งหมดไม่ใช่ของจริงสักอย่างเดียว ไม่มีของจริงสักอย่างเดียว
ท่านจึงเรียก สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตาทั้งหมด
คือ หมายถึงเรื่องโลกทั้งหมดเป็นอนัตตานั่นเอง สิ่งใดที่เราเข้าใจว่าเป็นของตนของตัวสิ่งใดที่เข้าใจว่าอันนั้นอันนี้อะไรต่างๆ เป็นของเราของเขานั้น อันนั้นคือความยึดถือต่างหาก ความเป็นจริงแล้วไม่มีสักอย่างเดียว ดูเข้าซิ ตัวของเราใครๆก็นับถือ ทุกคนนับถือว่าเราว่าเขา แต่แท้ที่จริงแล้วให้พิจารณาแยกแยะออกเป็นสัดเป็นส่วน ตกสภาพเป็นธาตุน้ำ ธาตุดิน ธาตุลม ธาตุไฟ เป็นสภาพของธาตุทั้งหมดไม่มีอะไรเหลือหลอ

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
สิ่งที่หลอกลวง
วันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๘

 32 
 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2567, 05:57:08 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
เรื่องต่างๆ ปลีกย่อย เล็กๆ น้อยๆ นั้นมันอีกอย่างหนึ่ง เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก มันเกิดขึ้นมานั้นของเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม ก็จะต้องพิจารณาอีก อันที่จะให้รู้เรื่องนั้นมันมีอีกอย่างหนึ่ง เช่น อารมณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมา มันเกิดจากจิต มันเกิดที่จิต อารมณ์อะไรเกิด ก็เกิดที่จิต อารมณ์นั้นควร หรือไม่ควร ควรที่ชำระหรือควรปล่อยไว้ อันควรที่ชำระนั่นคือ กิเลส อันเป็นเหตุให้วุ่นวายเดือดร้อนมันถึงควรชำระ คือตั้งใจไว้ให้ตรงแล้วมันก็ชำระกิเลส จิตมันก็หายไป
ครั้นเมื่อชำระคราวนี้หายไปแล้ว อันนั้นยังไม่เพียงพอก่อน มันต้องไปชำระที่จิต เรื่องจิตมันคิดส่งส่ายในอารมณ์ต่างๆ เช่นว่าความโกรธเกิดขึ้น มานะทิฏฐิเกิดขึ้น มันเกิดที่จิตมันไม่ เกิดที่ใจ ใจมันไม่มีอะไรหรอก มันเฉย วางเฉยอยู่ปกติ มันเป็นใจ ทิฏฐินั้นเกิดขึ้นมาจากจิต นั่นมานะก็เกิดมาจากจิตนั่น ความโลภ ความโกรธ ความหลงก็เกิดขึ้นมาจากจิตนั่น ความน้อยอกน้อยใจ ดีอกดีใจก็เกิดขึ้นมาจากจิตนั่น นั่นละอันที่จะต้องรู้เรื่องรู้เท่า มันเกิดจากเหตุใด มันจึงค่อยเกิดความโทสะ ตามรู้เรื่องรู้เท่าของมัน พิจารณาให้มันรู้เท่ารู้เรื่อง จนกระทั่งมันหมดขอบเขตหมดเรื่องราวของมันแล้ว มันจะสงบลงไป แล้วเข้ามาที่ใจ อันนั้นพักหนึ่ง ให้มันอยู่ขั้นหนึ่งเสียก่อน
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
วิธีชำระจิต
วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๗

 33 
 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2567, 05:55:44 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
พึงตั้งใจให้มั่น
คำว่า “ตั้งใจมั่น” กับ “ตั้งจิตมั่น” มันต่างกัน จิตน่ะมันต้องหวั่นไหว เป็นธรรมดา ใจมันต้องมั่นคง จิตมันหวั่นไหวใจไม่หวั่นไหว ครั้นถ้าเข้าถึงใจไม่หวั่นไหว อารมณ์ทั้งปวงหมดมันกระทบเข้ามาทุกสิ่งทุกประการสิ่งแวดล้อมน่ะมันทำให้จิตหวั่นไหวอยู่ ตลอดเวลา มันจึงกระเทือนไม่เห็นตัวใจ
ให้พยายามรักษาใจให้ได้เสียก่อน ตั้งมั่นอยู่ที่ใจเสียก่อน แล้วค่อยพยายามดูเรื่องของจิต ที่มันออกไปนิดๆ หน่อยๆ ไปสู่อารมณ์ต่างๆ เป็นเรื่องของจิต จิตกับใจเป็นคู่กันอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา เมื่อเราจะระงับอารมณ์อะไรก็ตาม อารมณ์มันเกิดขึ้นนั่น มันมาจากของภายนอก มันเกิดมาจากภายนอกแล้วมากระทบจิต ให้จิตนั้นหวั่นไหว ถ้าหากเรากำหนดถึงใจแล้ว ไม่มีอะไรหรอก รู้เท่า รู้เรื่อง มันก็สงบอยู่ ความสงบนั้นให้รักษาให้มาก เราพยายามที่สุด
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
วิธีชำระจิต
วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๗

 34 
 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2567, 04:51:59 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
เอตํ พุทฺธานสาสนํ จิตอันเดียวเท่านั้นแหละเป็นศาสนา.....
จิต กับ ใจ ก็อันเดียวกันนั่นแหละ จิตอันใดใจอันนั้น ครั้นถ้าหากจับจิตไม่ได้จับใจไม่ถูกแล้ว ก็หลงโลกอยู่นั่นแหละ ไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าจับจิตได้แล้ว เห็นเลย โอ้!…อันนั้นมันอาการของจิต คิดนึกปรุงแต่งสารพัดทุกอย่าง ร้อยแปดพันประการที่อธิบายมากมายนั้น เป็นเรื่องอาการของจิตทั้งหมด ถ้าเข้าถึงใจแล้ว ไม่มีอะไร นิ่งเฉยเลย
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จับจุดในพระพุทธศาสนาให้ได้
วันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๒๘

 35 
 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2567, 14:32:15 
เริ่มโดย maxna - กระทู้ล่าสุด โดย maxna
เส้นทางการสืบทอดสายญาถ่านสำเร็จลุน ที่มีความชัดเจนมากที่สุดในประเทศไทย

 36 
 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2567, 14:24:56 
เริ่มโดย maxna - กระทู้ล่าสุด โดย maxna
มูลมังญาถ่านสำเร็จลุน
ผู้ดูแลรักษา สายธรรมอุตฺตโมบารมี(สายอุตฺตมะอุตฺตโม)

 37 
 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2567, 05:36:15 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
อันเรื่องของโลกทั้งหลายนั้น มันอยู่ในจิตนี่แหละ คิดนึกปรุงแต่ง แต่งไม่รู้แล้วรู้รอดกันสักที พระพุทธเจ้าจึงทรงอยู่เหนือ คือ เหนือเรื่องเหล่านั้น คือ ทรงรู้เท่ารู้เรื่อง “รู้เท่า” นี้หมายความว่ารู้เท่ากับความคิดนั่นแหละ รู้เท่าความปรุงความแต่ง มันปรุงมันแต่งก็รู้ รู้พร้อมๆกันเลย ไม่เกิน ไม่ขาด ไม่เหลือ จึงเรียกว่า “รู้เท่า” ไม่ใช่รู้ตาม รู้ตามนั่นมันตามไป รู้แล้วค่อยตาม รู้แล้วค่อยเห็น รู้แล้วค่อยรู้ตัว อันนั้นมันตาม เหมือนตามรอยวัวรอยควาย อันนั้นไม่เห็นตัวมันหรอก ครั้น “รู้เท่า” นั้น รู้เท่าตัวมันเลย รู้ในทันท่วงทีมันเลย “รู้เท่า” มันเป็นอย่างนี้ มันต่างกับความรู้ตาม เหตุนั้น คําที่ว่า “รู้ตาม” นั้น ไม่มีทางที่จะทันตัวมันหรอก พอ “รู้เท่า” เท่านั้น เลยทันตัว
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
ธาตุรู้
วันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๘

 38 
 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2567, 05:27:52 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
ปัญญา นั้นมี ๒ อย่าง ปัญญาโลกิยะอย่างหนึ่ง ปัญญาโลกุตระอย่างหนึ่ง
ปัญญาโลกิยะนั้นคือ ความคิดความนึกปรุงแต่งสารพัด สัญญาอารมณ์ทั้งปวง รู้สิ่งต่างๆหมด แต่หาได้รู้ว่า ตัวพุทธะไปรู้ ไม่ ตามความคิดนึกปรุงแต่งไปไม่มีที่สิ้นที่สุดไม่หยุดไม่ยั้งสักที มนุษย์ชาวโลกจึงพากันปรุงแต่ง พากันคิดพากันนึกอยู่นี่ สารพัดทุกอย่างวุ่นวี่วุ่นวายร้อยแปดพันประการ อันนั้นเป็นโลกิยปัญญา
โลกุตรปัญญานั้น มีเฉพาะท่านผู้ฝึกหัดอบรมจิต ผู้รู้นั่นแหละ ผู้ไปรู้ไปคิดไปนึกนั่นแหละ เอาสติไปควบคุมจิตตรงนั้นแหละ ให้อยู่ในบังคับของสติรู้สิ่งทั้งปวงหมด ให้อยู่ในบังคับคือ บังคับให้รู้ก็ได้ บังคับไม่ให้รู้ก็ได้ ที่มันคิดมันนึกมันปรุงแต่งสารพัดทุกอย่างนั้นรู้เท่ารู้เรื่องของมัน ฝึกฝนอบรมให้มันอยู่ในขอบเขตในบังคับ การฝึกหัดปฏิบัติในธรรมวินัยนี้มีฝึกหัดจิตอันเดียวเท่านั้น อันอื่นนอกนี้ไม่มีอะไรทั้งหมด จะเป็นอย่างไร อบรมอย่างไร ก็ต้องอบรมจิต ครั้นปรารภจิตอบรมจิต จึงจะอบรมจิตให้อยู่ในสติได้ เมื่ออบรมไปโดยมีข้อบังคับจํากัดด้วย ไตรลักษณ์คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันรู้ว่าสิ่งต่างๆทั้งปวงมันมี อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในตัว
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
ธาตุรู้
วันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๘

 39 
 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2567, 06:18:14 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
ให้เราตั้งสติอารมณ์ให้ดี อารมณ์ที่ตั้งให้ดีนั้นหมายความถึงตั้งไว้ในที่ชอบ
อารมณ์ที่เราจะพึงใช้ จะพึงตั้งสติกำหนดนั้นตั้งให้มันถูก
อารมณ์อันใดที่มันแส่ส่าย อารมณ์ที่ไปหาความชั่ว อันนั้นละอารมณ์ไม่ดี
อารมณ์อันใดที่มันตั้งมั่นอยู่เฉพาะกัมมัฎฐาน อันนั้นละอารมณ์อันถูกต้องของเรา
กัมมัฎฐานถูกหมดทุกอย่าง เมื่อตั้งอารมณ์ตรงแล้ว
ทำจิตเราให้ตรง ทำจิตให้แน่วแน่ ทำจิตให้เป็นกลาง ทำจิตให้มันวางเฉย
อันนั้นเรียกว่าอารมณ์มันถูก อันนั้นเรียกว่า ตั้งอารมณ์ที่ดี เราต้องวางทุกวิถีทาง
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
ตั้งอารมณ์ให้ถูก
พ.ศ. ๒๕๒๖

 40 
 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2567, 10:44:31 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
มานะ คือความกระด้างถือตัว ทิฏฐิ คือความเห็น
มันเกิดขึ้นมานั่น มันมีอะไรอยู่ มานะทิฏฐิเข้าตัวแล้วไม่เห็นทั่วไป ถ้าเห็นเข้าตัวแล้วมันแข็ง ถ้าเห็นทั่วไปแล้วมันไม่แข็ง คือ เห็นสภาพของทุกคนว่า เป็นอยู่อย่างนั้นทั่วไปหมด เราเขาเหมือนกันทั้งนั้น การประพฤติปฏิบัติการเป็นอยู่ มันต้องเป็นไปด้วยกันทั้งหมด ทิฏฐิมานะ อันนั้นมีอยู่ทั่วไปหมด เพราะห้ามปรามไม่ได้.......
จึงว่าครั้นผู้ใดเข้าใจว่าตนพอแล้ว นั่นยังไม่พอ ผู้ใดเข้าใจว่าตนดีแล้ว นั่น ยังไม่ทันดี ถ้าหากเข้าใจว่าดีแล้ว คนนั้นเรียกว่ามานะเกิดขึ้นแล้ว........
การที่ละทิฏฐิมานะ ไม่มีอะไรต่างๆ ใจมันเฉยไม่มีอะไรนั่น ให้เข้าถึงสภาพอันเป็นจริง ของเฉย ความเฉยนั้นมันเฉยได้จริงอยู่นานไหม? ใจนั้นแต่มันยังไม่ทันรอบคอบรอบรู้ จึงต้อง พิจารณาชำระที่จิตนี่แหละ ให้มันเข้าถึงใจอยู่เสมอๆ ให้ชำนิชำนาญ มันจึงค่อยคล่องแคล่ว อันนั้นเป็นความสุขของเรา.......
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
วิธีชำระจิต
วันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๗

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 10
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.19 | SMF © 2006-2009, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!