?>
ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน
The Buddhist Art Conservation Club Of Esan (North Eastern Part Of Thailand)
01 เมษายน 2568, 06:16:55 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  

กติกาในการ เช่า-แลกเปลี่ยนพระเครื่อง | พระเครื่องเมืองอุบลราชธานี | แจ้งปัญหาการใช้งาน
แจ้งเรื่องการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ที่จะให้เช่าพระเครื่องฯ | วิธีสมัครสมาชิกเว็บ

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 10
 21 
 เมื่อ: 11 มีนาคม 2568, 05:28:08 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
ปฏิบัติอะไร
ปฏิบัติตัวของเรานี่แหละ
ปฏิบัติกายวาจาใจ
ใจที่เรามีสติอยู่เสมอทุกเมื่อ
รู้ตัวอยู่ทุกเมื่อ เห็นความคิดของตนรู้อยู่อย่างนั้น ฃ
อันนั้นปฏิบัติถูกต้องแล้ว

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๕๖

 22 
 เมื่อ: 10 มีนาคม 2568, 05:46:08 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
พวกเราไม่เข้าใจความจริงในพระพุทธศาสนา
ปฏิบัติผิดๆเข้ากับกิเลสของตน ก็เหมือนกับช่วย
บ่อนทำลายพระศาสนาคนละนิดคนละหน่อย
คนละด้าน คนละทางเช่นนี้แล้ว จะไม่เป็นบาปมากหรือ

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมเล่มที่๘๐

 23 
 เมื่อ: 09 มีนาคม 2568, 06:01:36 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
ธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
ไม่ใช่ศึกษา เพื่อเอา
ไม่ใช่ เพื่อทิ้ง
แต่ศึกษา เพื่อรู้
รู้สภาพของธรรม

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๗๐

 24 
 เมื่อ: 08 มีนาคม 2568, 05:09:35 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
เป็นพระภิกษุสามเณรอุบาสกอุบาสิกา
เมื่อมีสติคุมแล้ว รู้ในสิ่งนั้นว่า เราทำสิ่งใด
สมควรแก่ฐานะของเราหรือไม่

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๙๑

 25 
 เมื่อ: 06 มีนาคม 2568, 05:19:57 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
#ธรรม
ธรรมมันกว้างมาก
ธรรม คือ ธรรมดา
สภาพอันหนึ่งที่เป็นของจริง เรียกว่า ธรรมะ
คำว่า ธรรมะ กว้างมาก
ดี ก็เรียกว่า ธรรม
ชั่ว ก็เรียกว่า ธรรม
ไม่ดีไม่ชั่ว ก็เรียกว่า ธรรม
ในตัวเราทั้งหมด คือ รูปธรรม นามธรรม ก็เรียกว่า ธรรม
ถ้าพูดเฉพาะทางปฏิบัติเรียกว่า ปฏิบัติธรรม
เพื่อให้เราดี เพื่อเราจะได้รับความสุข..

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี

 26 
 เมื่อ: 05 มีนาคม 2568, 05:29:34 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
การที่เราละความชั่วได้
เราไม่เก็บความชั่วไว้ในตัวของเรา
อันนั้นเป็นบุญกุศลเกิดขึ้นในจิต
เราเองก็รู้สึกชื่นชมยินดีในตัวของเรา
ที่ละทิ้งความชั่วได้
ขอให้พากันสะสมบุญอย่างนี้
ขึ้นภายในจิตของตนทุกๆคน

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๕

 27 
 เมื่อ: 04 มีนาคม 2568, 05:57:36 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
จะต้องพิจารณาให้เห็นว่า
คือ ใจมันไปเกี่ยวข้อง มันจึงไม่สงบ
ใจไม่เกี่ยวข้อง มันก็ไม่มีเรื่องอะไร
เมื่อเห็นชัดแล้วก็ปล่อยวางเสีย
มันก็หมดเลยเรื่องนั้น

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๑๒

 28 
 เมื่อ: 03 มีนาคม 2568, 06:12:11 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
 ถ้าจะเป็นพุทธสาวก
ต้องเป็นผู้ปฏิบัติ
ถึงจะถูกหลัก เข้าถูกทาง
ถ้านับถือเฉยๆ
ใครก็นับถือได้ทั้งนั้น
แต่ไม่เป็นไปเพื่อความเจริญ

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
จากหนังสือธรรมะเล่มที่๒๒

 29 
 เมื่อ: 02 มีนาคม 2568, 05:37:13 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
ขันธ์ อายตนะต้องใช้มากเป็นพิเศษ ตลอดเวลาทุกลมหายใจเข้าออก
หากสติไม่กล้า ปัญญาไม่พอ ไม่เห็นโทษในอุปาทาน เบื่อหน่ายในสังขาร
ปัญญาไม่รู้เท่าต่อเหตุการณ์เสมอแล้ว ก็จะมีแต่ทำให้จิตมืดมิดมึนเมา
เหมือนนักดื่มสุรา ดื่มหนักเข้าจนทำรสเผ็ดร้อนกลายเป็นรสอร่อยหวานไปเลย
ยิ่งดื่มก็ยิ่งแต่จะหวาน (มีดมีแต่ใช้ หาเวลาลับแลขัดไม่ได้ มีดนั้นก็มีแต่ทื่อเข้าทุกที
ผลที่สุดก็ใช้ไม่ได้ต้องเป็นของทิ้ง)
ฉะนั้น หากขันธ์อายตนะ ยังมีอยู่ตราบใด
สติและปัญญาจำต้องใช้อยู่ตราบนั้น และใช้มากขึ้นเป็นลำดับ

หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี

 30 
 เมื่อ: 01 มีนาคม 2568, 05:46:11 
เริ่มโดย middle spirit - กระทู้ล่าสุด โดย middle spirit
(3) ถาม ทำบุญอะไร มากและน้อยอย่างไร จึงจะได้บุญมาก

(3) ตอบ ทำบุญอย่างหนึ่ง ทำทานอย่างหนึ่ง ทำกุศลอย่างหนึ่งไม่เหมือนกัน แต่ลงที่เจตนาอันเดียวเป็นรากฐาน
ทำบุญ นั้น มีเจตนาศรัทธาเป็นทุนก่อน จะมีวัตถุหรือไม่ก็ตาม ศรัทธานั้นเต็มเปี่ยมบริบูรณ์อยู่ในใจแล้ว ยิ่งมีวัตถุสิ่งของเป็นเครื่องแสดงให้ไปก็ยิ่งเพิ่มศรัทธาขึ้นเป็นทวีคูณ นี่เรียกว่าบุญ บุญคือความยินดีในสิ่งที่ตนให้แล้วเกิดเต็มเปี่ยมขึ้นมาในใจ

ทำทาน นั้น จะมีเจตนาหรือไม่ก็ตาม คิดจะให้แล้วก็ให้ไปเลย ไม่ว่าสิ่งของอะไรทั้งหมด ถ้ามีเจนาศรัทธาเลื่อมใสในบุคคลผู้รับและสิ่งที่ตนให้นั้น หรือเอ็นดูต่อบุคคลผู้รับนั้นแล้วให้ไปเรียกว่าทาน สมดังคำว่า ทานัง เทติ เทก็หมายความว่า เทให้ ทอดให้ ให้สิ่งของจึงเรียกให้
สรุปได้ว่า ทำทานคือ ให้สิ่งของพัสดุนั้นไม่ว่ามากหรือน้อย หยาบหรือละเอียด ไม่ปรารถนาผลตอบแทน แต่มีเมตตาจิตเป็นพื้นฐาน แม้ที่สุดให้ด้วยแก้ความรำคาญ เรียกว่า ทำทาน

การทำบุญนั้น ต้องมีเจตนาศรัทธาเป็นพื้นฐาน ก็การให้นั่นแหละเรียกว่า ทำบุญ จะให้สิ่งของอะไรมากและน้อย หยาบและละเอียดก็ตาม ให้แล้วหวังผลตอบแทน เช่น ปรารถนาว่า ด้วยอำนาจอานิสงส์ที่ข้าพเจ้าได้ทำบุญแล้วในครั้งนี้ ขอให้ได้มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติเป็นต้น

การกุศล นั้น คือ ทำบุญทำทานนั่นเอง แต่เป็นกุศโลบายของท่านผู้รู้ทั้งหลายที่จะให้พ้นจากความยากและความหิวทั้งปวง ทำไปเพื่อให้ใจผ่องใสสะอาดไม่พึงปรารถนาสิ่งใดๆทั้งสิ้น แม้แต่จิตคิดจะทำภาวนาสมาธิก็เช่นเดียวกัน

ทำบุญ ทำทาน ทำกุศล ไม่ว่ามากหรือน้อย วัตถุมิใช่ตัวบุญแท้ ตัวบุญแท้มันเกิดที่หัวใจ คือ เจตนาของบุคคลนั้นต่างหาก ถ้าเจตนาศรัทธาในขณะใด ในบุคคลใด ในสถานที่ใด ในที่นั้นๆได้บุญมาก ฉะนั้น บุญในพุทธศาสนานี้คนทำจึงไม่รู้จักหมดจักสิ้นสักที

พระพุทธเจ้าตรัสเทศนาไว้สองพันกว่ามีแล้วว่า ทำบุญได้บุญเช่นไร มาในปัจจุบันนี้หรือในอนาคตต่อไปก็ได้อย่างนั้นเช่นเคย คนทำบุญมากเท่าไรก็จะได้บุญมากเท่าที่ตนนั้นสามารถจะรับเอาไปได้ เหมือนกับคนนับเป็นหมื่นๆแสนๆถือเทียนมาคนละเล่ม ไปขอจุดจากผู้ที่มีเทียนจุดอยู่แล้ว ย่อมได้แสงสว่างตามที่ตนมี เทียนเล่มโตหรือเล่มเล็ก ส่วนดวงเดิมที่ตนขอจุดต่อนั้นก็ไม่ดับ เทียนหลายดวงยิ่งเพิ่มแสงสว่างยิ่งๆขึ้นไปอีก
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
(หนังสือวิสัชชนาในประเทศ)

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 10
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.19 | SMF © 2006-2009, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!