136
|
ห้องเวทย์วิทยาคมและสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ / เรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติ(โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน) / Re: สุดยอดทางคงกระพันชาตรี แคล้วคลาดและเป็นมหาอุด
|
เมื่อ: 22 เมษายน 2555, 16:23:16
|
?ยันต์วิรุฬจำบัง? หลวงพ่อคง วัดบางกระพร้อม ได้จัดสร้างขึ้นเป็นเสื้อจึงได้เรียกกันว่า ?เสื้อยันต์วิรุฬจำบัง? ให้กับลูกศิษย์ของท่านชื่อว่า แกละ เพื่อติดตัวไปเป็นทหารรับใช้ประเทศชาติ ต่อมาออกจากราชการทหาร กลายมาเป็นเสือแกละออกเที่ยวปล้นจนมีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองแม่กลอง ตำรวจได้ทราบแหล่งกบดานของเสือแกละจึงได้เข้าล้อมจับ และต่อสู้กัน หลายครั้งต่อหลายครั้งไม่สามารถเข้าจับกุมได้ เพราะเสือแกละได้ใช้เสื้อยันต์วิรุฬจำบังเดินฝ่าวงล้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อย่างง่ายดายโดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เห็นตัว หลวงพ่อคง ท่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้สร้างเสื้อยันต์ให้กับเสือแกละ โดยมิได้ตั้งข้อห้าม หรือให้สัตย์สาบาน จึงได้เรียกเสือแกละมาพบ และสุดท้ายเสือแกละได้สาบานเลิกปล้น พร้อมกับคืนเสื้อยันต์ให้กับหลวงพ่อ เสื้อยันต์ที่สร้างขึ้นเป็นรุ่นแรก เป็นเสื้อกั๊กกำมะหยี่ดำ ด้านในเป็นผ้าสีขาว มีกระดุม ๕ เม็ด ต่อมาได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขึ้น ลูกศิษย์จึงเกิดความต้องการมากไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นหลวงพ่อท่านจึงได้นำผ้าดิบหนาย้อมดำซับด้วยผ้าดิบขาว เพื่อให้พอต่อความต้องการ โดยได้นำเสื้อมาลงยันต์และเพิ่มยันต์เกราะแก้วว่า พุทธัง เพชรคงคัง อิมังพันธัอธิษฐามิ เข้าไปด้วยเพื่อกันระเบิด กระดุมเริ่มหายากจึงได้ใช้เชือกมัดแทน เสื้อนั้นจะมีเฉพาะสีขาวดำเท่านั้น และจะลงอักขระมีทั้งแบบหมึกและดินสอ ยันต์วิรุฬจำบัง เป็นวิชาการบังกาย หายตัวได้อึดใจหนึ่ง คือเมื่อเกิดเหตุการณ์คับขัน ให้กลั้นใจ แล้วว่าคาถา วิรุฬจำบัง ข้าศึกจะมองไม่เห็นทั้งตัวทั้งเงา ไปได้ชั่วอึดใจ ชั่วอึดใจหนึ่งนี้เขาไม่สามารถมองเห็นเราได้ นี่ก็คือการใช้พลังจิตอย่างหนึ่ง หลวงพ่อคงท่านได้ไปศึกษาวิชาการทำตะกรุดวิรุฬจำบัง จากหลวงพ่อปาน วัดโรงธรรม การที่นำเอาตัวละครในเรื่อง ?รามเกียรติ์? นำมาใช้เขียนยันต์ เชื่อว่าภาพนั้นจะมีพุทธคุณโดดเด่นเช่นเดียวกับตัวละคร มีเรื่องราวว่า วิรุฬจำบัง เป็นโอรสของพญาทูษณ์ กษัตริย์เมืองจารึก องค์ที่ 1 ของท้าวลัสเตียนกับนางรัชฎา น้องชายร่วมบิดามาดาของทศกัณฐ์ วิรุฬจำบัง มีม้าทรงคู่ใจตัวดำปากแดงชื่อ นิลพาหุ ซึ่งสามารถหายตัวได้ทั้งตนและม้า วิรุฬจำบัง รับอาสาทศกัณฐ์ ยกทัพไปทำสงครามกับพระราม และพลวานรซึ่งมุ่งหน้ามาที่กรุงลงกาเพื่อทวงนาสีดาคืน โดยไปสมทบกับท้าวสัทธาสูร เจ้าเมืองอัสดง สหายอีกตนของ ทศกัณฐ์ ซึ่งต่อมาได้ถูกฆ่าตาย เมื่อวิรุฬจำบัง ไปรบ พลยักษ์ถูกพลวานรฆ่าตายหมด วิรุฬจำบัง ผู้เป็นแม่ทัพจึงร่ายเวทมนต์กำบังตัวเองและม้า เข้าไปสังหารฝ่ายวานรล้มตายจำนวนมาก พระรามเห็นความไม่ชอบมาพากลจึงตรัสถาม พิเภก พิเภกจึงได้ตอบว่าขณะนี้ วิรุฬจำบัง ใช้เวทมนต์หายตัวเข้ามาในกองทัพ พิเภก ถวายคำแนะนำ ให้ พระราม แผลงศรไปฆ่าม้านิลพาหุเสีย เมื่อพระรามแผลงศรพรหมาสตร์ออกไปถูกม้าทรงของวิรุฬจำบังตาย วิรุฬจำบัง เห็นว่าสู้ไม่ได้จึงคิดหนี โดยร่ายเวทมนต์เสกผ้าโพกศีรษะเป็นหุ้นพยนต์ซึ่งมีรูปกายเหมือนตน แล้วหลบหนีไปจนพบนาง วานรินทร์ ที่ในถ้ำกลางป่า นางวานรินทร์ แนะให้ไปซ่อนตัวอยู่ในฟองน้ำที่นทีสีทันดร ฝ่ายพระรามทรงรู้กลศึก แผลงศรเป็นตาข่ายเพชรทำลายรูปนิมิต แล้วสั่งให้หนุมานติดตามไปสังหาร หนุมานติดตามจนมาจนได้พบกับ นางวานรินทร์ เข้าเกี้ยวพาราสี และทราบว่าเป็นนางฟ้าที่ทำผิดจึงได้ถูกสาป เนื่องจากมีหน้าที่รักษาประทีป แล้วปล่อยให้ประทีปดับ และจะพ้นคำสาปเมื่อได้พบทหารเอกของพระราม เมื่อนางวานรินทร์ บอกที่ซ่อนของวิรุฬจำบัง แล้วจึงถูกส่งกลับสวรรค์ หนุมานจึงตามไปสังหารวิรุฬจำบังได้สำเร็จ
|
|
|
146
|
ห้องพระ / พระคณาจารย์อริยสงฆ์ทั่วประเทศ / Re: เหรียญพระมงคลมิ่งเมือง วัดสำราญนิเวศ จ.อำนาจเจริญ รุ่น๑ ที่ระลึกสร้างศาลา ภปร.นุสรณ์ ปี 2536
|
เมื่อ: 18 เมษายน 2555, 15:16:04
|
เหรียญพระมงคล มิ่งเมืองรุ่น 1 ของวัดสำราญนิเวศ อำนาจเจริญ สร้างเมื่อปี 2536 เพื่อหาทุนสร้างศาลา ภปร.อนุสรณ์ มี 2 แบบ 1. เหรียญรูปไข่ไม่มีห่วง เนื้อทองแดงรมมันปู ตอกโค้ด ?สว? สร้างประมาณ 9 พันเหรียญ (ถ้าจำไม่ผิด) 2. เหรียญรูปไข่กะไหล่ทอง มีห่วง ไม่ตอกโค้ด สร้างประมาณ 1 พันเหรียญ เหรียญ ทั้งหมดนี้ยังเก็บรักษาส่วนที่เหลือจากแจกบ้างจำหน่ายบ้างไว้กับหลวงพ่อบุญ หรือพระครูสถิตบุญญารักษ์ เจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ วัดสำราญนิเวศ หลวงพ่อบุญถือเป็นศิษย์สาย ตรงของหลวงปู่เทสก์ ติดตามรอยบาทหลวงปู่เทสก์ตั้งแต่สมัยเป็นสามเณรน้อยคู่กับหลวงพ่อคำพอง ติสฺโส วัดถ้ำกกดู่ จ.อุดรธานี เป็นพระเลขาองค์หลวงปู่เทสก์คราวอยู่ภูเก็ตอีก 16 ปี จึงถูกส่งมาอยู่สำราญนิเวศในปัจจุบัน ถ้าจะกล่าวถึงฐานะของความใกล้ ชิดในองค์หลวงปู่เทสก์แล้ว หลวงพ่อบุญมีฐานะสำคัญไม่น้อยกว่าผู้ใด ทั้งหลวงพ่อบุญและหลวงพ่อคำพองก็ได้รับเมตตาจากหลวงปู่เทสก์เป็นที่สุด โดยมากท่านทั้งสองเข้าพบหลวงปู่มั่นพร้อมกัน ตั้งแต่ยังเป็นสามเณรและได้อยู่จนวาระสุดท้ายขององค์หลวงปู่มั่น และผ่านพ้นงานฌาปนกิจศพไปพร้อม ๆ กับครูบาอาจารย์อื่น ๆ หลวงพ่อบุญ เป็นผู้ตั้งชื่อวัดป่าอุดมสมพร ซึ่งหลวงปู่ฝั้น พำนักอยู่จนมรณภาพ หลวงพ่อบุญ เป็นผู้ดำเนินการหล่อรูปเหมือนเท่าองค์จริงของหลวงปู่เทสก์ องค์ที่ประดิษฐานในพระอุโบสถ (หรือวิหาร?) ของวัดหินหมากเป้ง และหลวงพ่อบุญก็เป็นที่เกิดแห่งเหรียญรุ่นนี้ มูลเหตุที่เกิดเหรียญพระมงคลมิ่งเมืองนั้นหลวงพ่อบุญอธิบายว่ามีโยมท่านหนึ่ง จำชื่อไม่ได้, เป็นชาวศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ได้เวียนมาขอเหรียญรูปเหมือนและเหรียญพัดยศของหลวงปู่เทสก์ซึ่งท่านได้รับมา นานแล้ว จนกระทั่งท่านใจอ่อนสละให้ โยมท่านนั้นจึงได้ขอหลวงพ่อบุญสร้างเหรียญถวายจำนวนหนึ่ง และขอท่านว่าต้องนำไปถวายหลวงปู่เทสก์ช่วยแผ่เมตตาให้ ซึ่งหลวงพ่อบุญเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเหลือวิสัยจึงรับ เหรียญที่สร้างก็คือเหรียญพระมงคลมิ่งเมืองทั้ง 2 แบบ เมื่อสร้างขึ้นก็ทำเพื่อแจกแก่ผู้ทำบุญปัจจัยสร้างศาลา ภปร.อนุสรณ์และระบุวัน เดือน ปี ในเหรียญให้ตรงกับวันเกิดของหลวงปู่เทสก์ด้วย (26 เมษายน) หลวงพ่อบุญ นำเหรียญทั้งหมดขึ้นวัดหินหมากเป้งและนำถวายหลวงปู่เทสก์ตามที่ตั้งใจ ซึ่งหลวงปู่เทสก์ก็เมตตารับไว้แผ่เมตตาให้ 3 วัน จึงคืนเหรียญทั้งหมดให้ เหรียญนี้เมื่อหลวงปู่เทสก์แผ่เมตตาให้แล้วก็ไม่ได้นำไปเข้าพิธี หรือนำไปให้ใครปลุกเสกเพิ่มเติมอีก จึงนับได้ว่าเป็นเหรียญที่หลวงปู่เทสก์แผ่เมตตาเดี่ยวอย่างแท้จริง และแจกแก่คนทั่วไปมาเรื่อย ๆ โดยไม่ได้ป่าวประกาศว่าเป็นองค์หลวงปู่เทสก์แผ่เมตตาแต่อย่างใด ข้อมูล อำพล นิตยสารศักดิ์สิทธิ์ปีที่ 13 ฉบับที่ 294 วันที่ 1 เมษายน 2538
|
|
|
147
|
ห้องเวทย์วิทยาคมและสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ / เรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติ(โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน) / Re: สุดยอดทางคงกระพันชาตรี แคล้วคลาดและเป็นมหาอุด
|
เมื่อ: 18 เมษายน 2555, 13:14:09
|
เหรียญหลวงปู่จันทร์ วัดศรีเทพประดิษฐาราม รุ่นสุดท้าย พ.ศ.2515 วัตถุมงคล "หลวงปู่จันทร์" หรือ "พระเทพสิทธาจารย์" พระเถรานุเถระชื่อดังแห่งวัดศรีเทพประดิษฐาราม อ.เมือง จ.นครพนม ในฐานะศิษย์เอกของพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล รุ่นยันต์ขาด พระธรรมบัณฑิต (ศิลา สิทธิธัมโม) วัดนรนาถสุนทริการาม กรุงเทพฯ เป็นผู้ดำเนินการสร้างเมื่อปี 2515 โดยมีวัตถุประสงค์แจกให้ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคสมทบทุนสร้างโรงเรียนพระปริยัติ และเป็นทุนการศึกษาพระภิกษุ-สามเณร เรียนบาลี สำนักเรียนวัดศรีเทพฯ สำหรับเหรียญยันต์ขาดเป็นเนื้อทองแดงรมดำ ด้านหน้ามีภาพเหมือนหลวงปู่ครึ่งตัว ตัวหนังสือนูนระบุข้าง หลวงปู่พระเทพสิทธาจารย์ (จันทร์ เขมิยเถระ) ด้านหลังแตกต่างจากยันต์วัดบล็อก 1 คือ มียันต์ 8 ทิศ ซึ่งมีพระเจ้า 5 องค์คุ้มครอง ด้างล่างจากซ้ายสุดยันต์จะขาดหายไป เซียนพระ เรียก "อุ" หาย ระบุ พ.ศ.สร้างอยู่ด้านล่าง หลวงปู่จันทร์ได้นั่งอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวในพิธีมังคลาภิเษกในอุโบสถ เสร็จเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2515 หลวงปู่จันทร์เปรยกับลูกศิษย์ว่า เสกเข้าพรรษา หลังออกพรรษาให้มารับ คาดว่าน่าจะเสกครบ 1 ไตรมาส เหรียญหลวงปู่จันทร์มีข้อห้ามสำคัญ มิให้แขวนคอคู่กับพระพุทธรูป ซึ่งเป็นพระศาสดา และห้ามห้อยคู่ตีเสมอกับหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ซึ่งเป็นพระอาจารย์ ประสบการณ์เหรียญ รุ่นยันต์ขาด เรื่องมีอยู่ว่า บุตรของหมอพิณ ศรีศิริ ชาวนครนายก ทำงานก่อสร้างในกรุงเทพฯ วันหนึ่งขณะที่เดินทางไปทำงานตามปกติจะไปที่ทำงานในซอยหลังสถานีขนส่งเอกมัย ระหว่างที่เดินอยู่ในซอยได้สวนทางกับวัยรุ่น 2 คน พอเดินคล้อยหลังกันไป ก็มีเสียงหนึ่งในสองคนนั้นพูดขึ้นว่า ? คนนี้แหละใช่แล้ว? หลังจากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดซ้อน บุตรหมอพิณถึงกับล้มลงทันที ส่วนมือปืนก็วิ่งหนีไป พอสำรวจที่ตัวกลับไม่ปรากฏว่าได้รับอันตรายอะไร แต่บริเวณอกเสื้อมีรอยกระสุน 1 รู และมา ตรงกันพอดีเป๊ะ 2 นัดเข้ารูเดียวกัน ซึ่งมือปืนไม่น่าจะแม่นขนาดนั้น
|
|
|
|