หัวข้อ: ว่าด้วยหนังสือสิริจันโทวาทยอดคำสอน บทประพันธ์ของปราชญ์แท้ เริ่มหัวข้อโดย: คนโก้ ที่ 08 ธันวาคม 2554, 20:40:34 ว่าด้วยหนังสือสิริจันโทวาทยอดคำสอน
หนังสือสิริจันโทวาทยอดคำสอน ที่ท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ได้ประพันธ์ไว้เป็นโคลงสารภาษาอีสาน เพื่อปลูกฝังกตัญญูกตเวทิตาธรรมแก่ประชาชนชาวอีสาน ให้ซาบซึ้งถึงคุณของพระรัตนตรัย คุณพระมหากษัตริย์ คุณครูอาจารย์และคุณบิดามารดา เป็นการแก้คำทำนายของกวีโบราณอีสานได้ประพันธ์ไว้ในหนังสือพญาปัสเสนว่า ในอนาคตก่อนจะสิ้นพุทธศาสนา ๕,๐๐๐ ปี พุทธศาสนาจะเสื่อม คนจะไม่มีศีลธรรม ไม่รู้คุณพระศรีรัตนตรัย พระมหากษัตริย์ ครูอาจารย์และบิดามารดา เรื่องคำทำนายนี้มีคนเชื่อถือมาก เพราะผู้ประพันธ์ได้อาศัยโครงเรื่องจากพุทธทำนายที่ตรัสแก้สุบิน ๑๖ ข้อ ของพระเจ้าปัสเสนทิโกศลที่ไปทูลถามพระพุทธเจ้า มีกล่าวไว้ในหนังสือสารัตถหะฎีกาวินัยปิฎก ซึ่งนักปราชญ์ทางภาคกลางก็ได้ประพันธ์ไว้เช่นกัน เรียกว่า ?พุทธทำนาย? บ้าง ?ทำนายปัดถะเหวน? บ้าง หนังสือนี้มีทั้งผลดีและผลเสีย ผลดีคือทำให้ผู้อ่านผู้ฟังมีสติปัญญาไม่ประมาท เตรียมหาทางแก้ไข ก่อนเหตุการณ์ต่างๆจะเกิดขึ้น หรือรีบแก้ไขเมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ผลเสียคือพวกทุจริตนำไปเป็นเครื่องมือหลอกลวงประชาชนทำให้หลงเชื่อโดยไม่ได้ใช้ปัญญาพิจารณาแม้แต่น้อย และเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นแล้วในภาคอีสาน ในสมัยที่ท่านเจ้าคุณพระอุบาลียังมีชีวิตอยู่ ฉะนั้นท่านจึงได้แต่งแก้ปริศนานั้น ด้วยปัญญาอันแหลมคมของท่านเพื่อให้ผู้อ่านผู้ฟังไม่ประมาท เป็นการเตรียมการแก้ไขก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น หนังสือนี้จึงเหมาะกับคนสมัยนี้มาก เพราะเป็นสมัยที่คนนิยมวัตถุมากกว่าคุณธรรม บทไหว้ครูและคำปรารภ สิทธิการิยะน้อม ก้มเกศ กรถวาย ยอกระพุมมือ ขาบพระคุณ ไตรแก้ว ตนตัวข้า ขอมอบ พระไตรรัตน์ ขอให้เป็นดังบัลลังก์คำ ที่ธะรง พุทโธเจ้า ตาสองก้ำ ถวายบูชา ต่างประทีป มือสิบนิ้ว แทนที่ เทียนทอง ขอถวายบูชา พระยอดคุณ ไตรแก้ว ทั้งเล่าขอนอบน้อม คุณแห่ง ครูบากับทั้งบิดาไท้ มารดา ตนแม่ คุณเพิ่นเลี้ยง เพียรให้ ใหญ่สูง ข้าขอนบนอบนิ้ว ผู่วิเศษ อินทร์พรหม กับทั้งฝูงเทวา ผู่มี ฤทธีกว้าง ข้าขออธิษฐานน้อม คุณไท้ ทั่วแดน ขอพระคุณจงมาซูค้ำ จำกลอน ยู้ส่ง แน่ถ้อนขอพระคุณจงมาซ่อยซี้ ปัญญาข่อย แต่งสาร แน่เด้อ ครันข้าปลงจิตตั้ง แปลงสาร เขียนขีด เมื่อใด ขอให้สมเพราะเพี้ยง กลมเกี้ยว กล่อมกัน เป็นดังพิณพาทย์ฆ้อง ซอขลุ่ย แคนระบำ อย่าให้ขัดทางกลอน ซ่อยดล ทางด้น ข้าจักแปลงสารแก้ว คำกลอน ไว้สอนสั่ง คัดมาแต่คัมภีร์พู้นพี้ รวมไว้ เล่มเดียว นี้แหล่ว บัณฑิตสอนโลก กลอนเก่า บูฮาน ถือเป็นอาจารย์ ซี้ทาง ความฮู้ จึงได้อุตสาห์สู้ พยายาม เลือกแต่ต่อน เลือกแต่บ่อนแซบแซบ พิมพ์สั้น ไว้แต่ควร ดอกนา เหตุว่าคนคราวพู้น เขียนลาน จ้างกันง่าย เงินเล็กน้อย กะพอสร้าง สืบมา เจ้าเอย หัวข้อ: Re: ว่าด้วยหนังสือสิริจันโทวาสยอดคำสอน บทประพันธ์ของปราชญ์แท้ เริ่มหัวข้อโดย: บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน ที่ 08 ธันวาคม 2554, 20:58:18 ได้ความรู้อีกแล้วขอบคุณครับ ท่านพี่โก้ คนโก้เมืองอุบล 017
หัวข้อ: Re: ว่าด้วยหนังสือสิริจันโทวาสยอดคำสอน บทประพันธ์ของปราชญ์แท้ เริ่มหัวข้อโดย: chanatip ที่ 08 ธันวาคม 2554, 21:17:30 เยี่ยมครับท่าน 023
หัวข้อ: Re: ว่าด้วยหนังสือสิริจันโทวาทยอดคำสอน บทประพันธ์ของปราชญ์แท้ เริ่มหัวข้อโดย: คนโก้ ที่ 13 ธันวาคม 2554, 17:50:38 บั้นแถลงแก้คำบูฮานและคุณพระรัตนตรัย
บัดนี้ศักราชล้ำ เข้าเขต สามพัน บ้านเมืองมีความสุข ทั่วแดน ดินด้าว ชาวเมืองบ้าน หลาไน บ่ได้แกว่ง บ่ห่อนมีหูกฝ้าย ทอด้าย ตำไหม ต้นกาละพฤกษ์ล้ำ บังเกิด กลางเมือง ดอกใบเป็นเสื้อผ้า อาภรณ์ เครื่องตุ้มห่ม ไหมและด้าย เปลือกป่าน ใยบัว บ่ได้คัวละนานับ อเนกหลาย เหลือล้น ต้นต่อต้น ต้นต่อ กันไป สองฮิมทาง เฮื่อเฮื่อง คือโฮงฮ้าน ไผผู้มีประสงค์ซื้อ ถือเงินไป ได้ง่ายๆ เข้าและน้ำ บ่ได้ต่าว ตำตัก หลัวและฟืน บ่ได้ไป ดงกว้าง ตัณฑทุลาเข้า สาลี บ่มีเปลือก มีแต่เม็ดอ้วยซ้วย สองข้าง แค่ทาง ฟืนตองพร้อม ตามใจ เจ้าสิเลือก เอาถ้อน ชั้นแต่ของสุกแล้ว คาวหวาน นับบ่ไคว่ สองขอกข้าง ทางเดิน มีทุกแห่ง สตางค์ใส่พกแล้ว ไปถ้อน อยากสิ่งใด เจ้าเอย การละเล่น โขนละคร งิ้วหุ่น เสียงคื่นเค้า นครกว้าง หวั่นไหว มีทังโรงหนังพร้อม โรงลิเก ละครพูด ปลูกเป็นดรงใหญ่กว้าง บ่าวฮาม โฮมเฮ้า ยูทั้งญิงชายพร้อม โรงละคร เลือกบ่อนนั่ง มีทังเบาะบ๊อกตั้ง เป็นถัน แถวถี่ ของกินมีบ่ไฮ้ หมากไม้มีซู่ด้าน ไผซื้อ ตั้งแต่ขาย เป็นที่สนุกสบายแท้ แลดูกัน เพ่งหาคู่ ไผผู่ใจฉลาดซ้อน เชิงชู้ บอกแก่กัน โรงหนังโรงลิเกนี้ ของผู้ดี เลือกหาคู่ เถิงคราวบุญส่งให้ ซ้ำมีซู้ คอบลิเก แท้แหล่ว ไผผู่มีประสงค์ด้วย นางเทพ กินรี อันบ่มีผู่หวงแหน นั่งยาม คอยเอิ้น เห็นชายเดินมาใกล้ เกรียวกราว วิ่งเข้าใส่ จับจ่องทื้น ชายชู้ เข้าห้องนอน มันก็สอนรหัสให้ ชายบ่เคย ได้ฮู้เรื่อง ความสนุกล้น ในเมืองคน นับบ่ไคว่ ทางไกลเป็นทางใกล้ ทางรถไฟ รถยนต์แล่น แม่นจักเดินทางน้ำ เรือยนต์ จอดทุกท่า เขาหากดาแต่งไว้ คอยถ้า ผู่สิไป แท้แหล่ว อันที่ในเมืองบ้าน ทางเดิน ดูสะอาด มีแต่ไฟตามไต้ ชูแสง ใสสว่าง ตั้งหาดดูสล้าง ไฟฟ้า เพิ่นต่อสาย เจ้าเอย คือว่ากลางคืนเป็นกลางวัน ตั้งฮุ่งเฮือง จนแจ้ง อันที่เฮาแถลงต้าน ไขกลอน นำมากล่าว เป็นแต่เพียงเล็กน้อย พอฮู้ ฮ่อมสวรรค์ หั่นแหล่ว อันสมบัติในเมืองฟ้า ตามบูฮาน เพิ่นกล่าว มานั้น ในบ้านเมืองเฮาซุมื้อ ตั้งมีแท้ ซุประการ เจ้าเอย คำที่อาจารย์เจ้า บูฮาน เพิ่นซี้บอก มานั้น คือว่าสักราชล้ำ เข้าเขต สามพัน เมื่อใด จักเกิดมีโพยภัย พยาธิเติม มาต้อง แม่นว่าคองสมณ์สร้าง ในธรรม พุทธบาฐ ก็ดี ก็บ่ตั้งเที่ยงมั่น ในแห่ง สิกขาบท ศิษย์บ่ฟังคำครู ซิเสื่อมทราม เพม้าง แม่นว่าองค์กษัตริย์ไท้ ธะรงเมือง ตุ้มไพร่ ก็ดี ก็บ่ตั้งเที่ยงมั่น ในฮีต คลองธรรม คนบ่ยำเยงอย้าน ครูบา พ่อแม่ จักเกิดเป็นเหตุฮ้าย ขียุค โพยภัย จักเกิดเป็นกังวล เข้านา ตายแล้ง จักเกิดเป็นอุบาทว์ฮ้อน ปูปลา น้ำเขินขาด ความสุขหาบ่ได้ ควมฮ้อน แล่นจ่นมา จักเป็นเศิกกันบ่มั่ว โจรมาร ทุกประเทศ ฝูงไพร่น้อย ควมฮ้อน ยิ่งกว่าไฟ ว่านา อันนี้เป็นคำเฒ่า อาจารย์ ตั้งแต่เก่า เพิ่นหากทวยแต่งไว้ ภายหน้า บ่อนบ่เห็น เจ้าเอย อันฝูงคนภายซ้อย ฟังคำสอน คึดว่าแม่น พากันตกใจย้าน เฮฮาน ไปทุกแห่ง ย้านแต่มาพบพ้อ คำเฒ่า เพิ่นกล่าวสอน ไว้นั้น อันที่ความจริงแท้ คำบูฮาน เว้าบ่แม่น เหตุว่าคราวทุกวันนี้ ฝูงเฮา ได้มาฮ่วม นับแต่องค์พุทโธเจ้า ตรัสส่อง สรญาณ มานั้น ได้สองพันห้าฮ้อย ปีนี้ ข้อยแต่งกลอน นี้แหล้ว อันว่าอายุข้า เจ้าคุณ ราชกวี ผู่แถลงภาษิต แต่งธรรม ดวงนี้ ตั้งหากเหิงนานล้ำ หลายขวบ พระวัสสา จักเถิงหกสิบแท้ ยังหย่อน สองปี ท่อนั้นแหล่ว ยังบ่เคยพบพ้อ ความฮ้อน ดั่งเพิ่นทวย มานั้น ตัวเฮาบวชแต่น้อย บ่ฮู้แห่ง คลองคหัสถ์ อันที่ในคลองธรรม บ่ออวดตัว กะพอใช้ ตั้งแต่เป็นจั่วน้อย ถอยมา จนได้เป็น พระหนุ่ม ปางนั้น เฮามี จิตอ่อนน้อม บ่ดูหมิ่น ครูบา ตั้งหากยำเยงย้าน ครูบา ตามฮีต คลองนา ครันเฮาใหญ่สูงขึ้น เป็นครูบา สอนสั่ง คราวนั้น ลูกศิษย์ก็ยิ่งย้าน ยำแห่ง ภายเฮา หัวข้อ: Re: ว่าด้วยหนังสือสิริจันโทวาทยอดคำสอน บทประพันธ์ของปราชญ์แท้ เริ่มหัวข้อโดย: คนโก้ ที่ 19 ธันวาคม 2554, 10:04:07 บั้นคุณพ่อแม่
บัดนี้จักกล่าวต้าน คุณพ่อ บิดา ทังมารดา แม่คีง ตนเลี้ยง ให้ค่อยยำเกรงย่าน สองพระองค์ พ่อแม่ คุณเพิ่นมีมากล้น เหลือล้ำ แผ่นดิน แท้ดาย อย่าได้เฮ็ดปากฮ้าย เสียงเสียด คำแข็ง ให้ค่อยแลงคำงาม อย่าให้มี คำฮ้าย ให้ค่อยเพียรถนอมแท้ ของกิน อันแซบ คึดเมื่อเพิ่นหากเลี้ยง ยามน้อย อี่ดู เพิ่นกะฮักอิ่นอ้อย ลูกเกิด กับอก เถิงเมื่อยามถือภาร์ กะเหนื่อยแคลน เคืองฮ้อน อุตสาห์เว้น ของกิน อันฮ้อนแสบ ยืนเดินลุกนั่งตั้ง สติหมั่น มั่นระวัง แท้แหล้ว กลัวสะเทือนในท้อง ปุตตา สิลำบาก ทนแต่ความยากแค้น หนักเหนื่อย หลายเดือนจริงแหล้ว อันว่าวันประสูติเจ้า เหลือล้น ทอดชีวัง แท้แหล้ว ความเจ็บความแสบพ้น บ่มีสัง ซิมาเปรียบ ความทุกข์ความยากฮ้อน เกินนั้น แม่นบ่มี เจ้าเอย เอาแต่ธรรมดาสู้ อดทน ไปตามชาติ ทั้งแผ่นดินเพิ่นหากเป็นจั่งซั้น โตซิเว้น ก็อยากมี แท้แหล้ว คันบ่มีลูกเต้า สืบต่อ แทนเฮือน ดั่งนั้น กลัวจักเป็นคนพลอย เมื่อยาม ตนเฒ่า ความที่อยากได้เจ้า ปุตตา ลูกอ่อน บ่ได้เห็นแก่ความทุกข์ฮ้อน ชีวังตั้ง เสี่ยงแต่บุญ แท้แหล้ว ยามเมื่อประสูติลูก พ้นจาก อุทร เมื่อใด ตั้งหากมีความสุข ดั่งได้ชม วิมานฟ้า ทังเล่าได้เห็นหน้า ปุตตา ลูกอ่อน ยังเล่ามีทุกข์ฮ้อน การเข้า อยู่กรรม ตั้งคะลำของเลี้ยง กินเกลือ กับเข้าจี่ เหลือแฮงเด้ ทังเล่ากินน้ำฮ้อน นอนค้าง แคร่สะแนน คือว่านอนฝีงไฟ อย้างตัว เหลือฮ้อน อุตสาห์สู้ ทนเวท- นาหนัก หลายวันคืน ย่างไฟ ยามฮ้อน ครันบ่เฮ็ดจั่งซั้น กลัวเกิด โรคา กลัวแต่ปุตตาน้อย อดนม เต้าบ่ตื่ง ธรรมดาเพิ่นหากเป็นจั่งซั้น แสนฮ้อน ก็ค่อยเพียร แท้แหล้ว อันว่าความทุกข์ฮ้อน ในแม่ มารดา เหลือจักพรรณนา สู่ฟัง นาเจ้า ส่วนว่าบิดานั้น ก็เฮฮน อกสั่น เห็นเมียเจ็บฮ้องไห้ ใจสะเพ้อ หง่วมเหงา กลัวแต่กรรมเวรต้อง เมียแพง สิตายจาก ความลำบากบ่ได้เตื้อง โตนไต้ แล่นเหนือ บ่ให้เหลือสังแท้ หามา พร้อมทุกสิ่ง หมอยาและหมอเฒ่า หมอตำแย ให้มาซ่อย การตักน้ำ ตำเข้า และผ่าฟืน กับทังการหุงต้ม แลงงาย เหมิดทุกสิ่ง พ่อหากเป็นผู้ซ้วน ซูไว้ ซู่ประการ แท้แหล้ว แม่นั้นเป็นผู้เลี้ยง ปุตตา ลูกอ่อน นอนผ้าอ้อม ไกวอุ้ม ยกใส่นม ตั้งหากเป็นอารมณ์แท้ ของแพง กอดทักทั่น ครันว่าลูกหมั่นให้ มารดาอุ้ม ขึ้นใส่นม มันหากเหลือทนแท้ ขี้เยียว บนตัก มารดาเป็นคนซัก เช็ดถู บ่มีฮ้าย บิดาไท้ หาเลี้ยง พอกพูน ตั้งอุดหนุนเมียแก้ว บ่ขืนใจ จักสิ่ง หวังให้เลี้ยงลูกน้อย เพียรขึ้น ให้ใหญ่สูง เจ้าเอย เหตุนั้นคุณสองเฒ่า ควรคะนิง อย่าได้ขาด ให้เจ้าสวาดิฮู้ ยามน้อย เพิ่นแพง พู้นเน้อ พ่อแม่เลี้ยงแต่น้อย จนเจ้า แล่นหัน นั่นนา ยามเมื่อเจ้ายังน้อย สำออย เอิ้นหาแม่ หนาวมาให้แม่ตุ้ม คลุมผ้า แล้วนอนกอด ยามเมื่อตนโตฮ้อน ก็วิงวอน ให้แม่ช่วย ยามเมื่ออยากกินเข้า หวานเปรี้ยว ให้แม่หา แม่บ่ขีนขัดเจ้า ตามใจ ถนอมลูก ครันเจ้ากินอิ่มแล้ว ซ้ำลงเหล่น แล่นหนี เจ้าหากเมาความเล่น แลงงาย บ่เตื้องต่อ พ่อแม่ฮ้อน ตาเอิ้น อย้านเพิ่นงาน ทังอย้านไปเหล่นน้ำ เข็ญฮ้าย เงือกสิกิน ทังสงสารจักหิวเข้า อุตสาห์ตาม จนใจขุ่น ครันเมื่อได้พบพ้อ เสียงฮ้าย ว่าสิตี ตาแม่เหลียวหาแส้ จับเฮียวใด ตั้งแต่ใหญ่ ครันหาได้แส้น้อยๆ ก็ตีก้น ส่งขึ้นเฮือน ความที่ฮักลูกนี้ เหนี่ยวหน่วง แสนกะดัด ปานเชือกเหล็กคือสายโซ่ พันคอ ไว้สองภาค จากกันแต่ละน้อย ใจละห้อย ไห้จ่มหา ครันเมื่อลูกป่วยไข้ คิ่งฮ้อน แลปวดหัว ตนตัวฮ้อน เสียงคราง เอิ้นพ่อแม่ สองแจ่มเจ้า ใจเศร้า หน้าบ่บาน ปานดั่งตัวเป็นไข้ ใจสะบั้น หอดหิว อย้านแต่ปุตตาน้อย สายใจ สิตายจาก พรากทางใดกะบ่ได้ คลำเนื้อ อยู่บ่เซา ดูหมอหาทางแก้ หมอยา ให้มาซ่อย ค่ายาและขวัญเข้า แพงปานได๋ บ่ได้ว่า ขอให้ลูกอ่อนน้อย หายไข้ แล้วแม่นใจ แท้แหล้ว ครันลูกหายเจ็บไข้ โรคา ที่บังเบียด มานั้น พ่อแม่หายทุกข์ฮ้อน ปานขึ้น สู่สวรรค์ เจ้าเอย อันบุญคุณพ่อแม่เลี้ยงแต่น้อย เพียรเจ้า ให้ใหญ่สูง นั้นนา ครันเจ้าใหญ่สูงเมือหน้า มีเฮือนซาน สืบพ่อแม่ คุณเพิ่นเลี้ยงมาแต่น้อย คะนิงไว้ อย่าให้ลืม |