ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน

หลังจากพวกเรางมโข่งอยู่นานกับปริศนาภาพอาจารย์ใหญ่ภาพที่แล้ว มาปรากฏชัดเจนว่าภาพนั้นไม่ใช่หลวงปู่สำเร็จลุนแต่ เป็นภาพของ ภิกษุณี หรือที่เรียกกันว่า หลวงพ่อใหญ่ วัดถ้ำกระบอก จ.สระบุรี ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งวัดถ้ำกระบอกครับ มาวันนี้ทางเวบจึงขอเปิดกระทู้ใหม่เพื่อให้สมาชิกได้ ส่งภาพที่คิดว่าใช่หลวงปู่สำเร็จลุนพร้อมเหตุผลสนับสนุน ทั้งนี้เช่นเคยก็เปิดโอกาสให้สมาชิกท่านอื่นๆร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้เต็มที่ครับ เพื่อที่พวกเราชาวเวบอุบลพระ จะได้หาภาพหลวงปู่ใหญ่สำเร็จลุนจริงๆมาให้สาธารณชนได้รับรู้กัน ด้วยเจตนาและศรัทธาอันบริสุทธิ์ของพวกเรา ขอบารมีหลวงปู่่ใหญ่สำเร็จลุน จงดลบรรดาลให้พวกเราค้นพบภาพของท่านด้วยเทอญ 017 017

เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ครับ


 023

ขอให้บารมีของพระอาจารย์ใหญ่ช่วยให้ท่านพี่พบรูปท่านในเร็ววันด้วยนะครับ  024

(http://www.picture69.com/dl.php/132420027152b73.jpg) (http://www.picture69.com/dl/?id=132420027152b73.jpg) ฝากรูป (http://www.picture69.com)

ขอบคุณภาพจาก http://www.suriyathat.net/readarticle.php?article_id=8

สามารถเข้าชมภาพหลวงปู่สำเร็จลุน เเละภาพอัฐิธาตุของหลวงปู่สำเร็จลุนได้  007

รูปนี้ต้นฉบับมาจากหนังสือโลกทิพย์ นำมาเผยแพร่ เมื่อก่อนยังไม่มีใครทราบว่าสมเด็จลุนหน้าตาเป็นอย่างไร ทางโลกทิพย์ ตอนนั้น นักเขียนของโลกทิพย์ คือคุณภักดภูริ ได้เขียนเรื่องตามรอยบาทหลวงปู่เทพโลกอุดร และคุณภักดีภูริสืบพบความเกี่ยวเนื่องระหว่างหลวงปู่เทพโลกอุดรและสมเด็จลุน คุณภักดีภูริเลยมาติดตามเรื่องสมเด็จลุนด้วย พอมาตามเรื่องของสมเด็จลุนคุณภักดีภูริได้สืบพบภาพนี้จากทางฝั่งลาว

มีรูปนี้ที่วัดนาอุดมด้วยครับ

(http://upic.me/i/61/dsc03933.jpg) (http://upic.me/show/31322336)

นี้ก็อีกรูปที่เขาว่าคือท่านสำเร็จลุนครับ จริงเท็จอย่างไรผมไม่ทราบครับผม

(http://upic.me/i/5j/attachment.jpg) (http://upic.me/show/31322339)

2 องค์นี้น่าจะเป็นองค์เดียวกันนะครับ ดูจากเค้าหน้า รูปบนดูหนุ่มกว่า แต่รูปล่างดูแก่กว่ามาก พระบางองค์หน้าตาจะเปลี่ยนไป เมื่ออายุมากขึ้น แต่พอเห็นเค้า อย่างหลวงปู่หงษ์สุรินทร์ เมื่ออายุ 60 กว่า จะผอมๆดำๆ ตอนอายุ80 กว่าจะผ่องใสมาหน่อย แต่ตอนนี้หน้าหลวงปู่ตอนอายุ90 ก็จะดูอูมกว่าตอนอายุ 80 ปี
หรือครูบาดวงดี เมื่อตอนปี 32 กับตอนก่อนมรณภาพ ตอนปี32 ดูผอมกว่านี้ ก่อนมรณภาพหน้าท่านจะบวมอูม

2 องค์นี้น่าจะเป็นองค์เดียวกันนะครับ ดูจากเค้าหน้า รูปบนดูหนุ่มกว่า แต่รูปร่างดูแก่กว่ามาก พระบางองค์หน้าตาจะเปลี่ยนไป เมื่ออายุมากขึ้น แต่พอเห็นเค้า อย่างหลวงปู่หงษ์สุรินทร์ เมื่ออายุ 60 กว่า จะผอมๆดำๆ ตอนอายุ80 กว่าจะผ่องใสมาหน่อย แต่ตอนนี้หน้าหลวงปู่ตอนอายุ90 ก็จะดูอูมกว่าตอนอายุ 80 ปี
หรือครูบาดวงดี เมื่อตอนปี 32 กับตอนก่อนมรณภาพ ตอนปี32 ดูผอมกว่านี้ ก่อนมรณภาพหน้าท่านจะบวมอูม

สุดยอดครับ ผมไม่เคยแยกแยะใบหน้าใครได้เลยครับ งั้นลองมาดูแบบใกล้และซัดกว่าเดิมครับ

(http://upic.me/i/65/presentation1.jpg) (http://upic.me/show/31323022)

               ขออนุญาติออกความเห็นหน่อยนะครับ รูปสมเด็จลุนที่มีพัดยศกับพัดลองนะครับ นักวิเคราะรูปเขาบอกว่าพัดยศกะพัดรองนะเป็นของไทย จึงน่าจะไม่ใช้รูปสมเด็จลุนครับ
ส่วนรูปสมเด็จลุนผมว่าน่าจะมีนะครับ เพราะรูป เพราะท่านธรรมบาล(ผุย) ยังมีเลย ชึงท่านเป็นพระร่วมยุคเดียวกันแท้ๆ และสมัยนั่นฝังประเทศลาว มีความเจริญมากกว่าฝังไทยเราเยอะแล้วสมเด็จลุนก็เป็นครูบาอาจารย์หลักที่ศรัทธาทังสองฝังโขง มุ่งไปสู่ตัวท่านนะครับ ผมว่าน่าจะมีนะครับ

เป็นเรื่องที่น่าศึกษามากครับผม สืบเสาะหาความจริง

คอยติดตามครับ เยี่ยมมาก ความพยายามสูง ให้กำลังใจครับ ถึงแม้จะมีแค่รูปเดียวที่มีอยู่ก็ตาม

ผมกำลังหาหนังสือเล่มที่เอาภาพดังรูปที่ 1 มาเผยแพร่เป็นเล่มแรก โดยนิตยสารโลกทิพย์ หวังว่าจะหาเจอ จะได้มีข้อมูลเบื้องต้นมา Ref.

ได้หนังสือที่เริ่มลงภาพสมเด็จลุนเล่มแรกๆมาแล้วครับ
ผมอ่านหนังสือพระตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยเห็นภาพสมเด็จลุนเลย โลกทิพย์ผมอ่านตั้งแต่ปี 2532 ก็ไม่เคยเห็นโลกทิพย์ลงภาพสมเด็จลุน จนกระทั่งหนังสือเล่มนี้ได้ลงเอาไว้ นี่เป็นภาพสมเด็จลุนครั้งแรกที่ผมเคยเห็นลงหนังสือ(เล่มนี้คือหนังสือโลกลี้ลับ อยู่ในเครือเดียวกับโลกทิพย์)
(http://upic.me/i/d5/somdejlun0001.jpg) (http://upic.me/show/35711470)

คนเขียนบทความนี้ครับ เอามาเผยแพร่ คนเขียนชื่อภักดีภูริ
(http://upic.me/i/px/somdejlun0002.jpg) (http://upic.me/show/35711472)

และในหนังสือเล่มนี้ ที่ผมวงสีแดงเอาไว้ คุณภักดีภูริบอกว่ารูปสมเด็จลุนนี้ได้มาจากหลวงปู่จันทร์หอม วัดบุ่งขี้เหล็ก
(http://upic.me/i/hk/somdejlun0003.jpg) (http://upic.me/show/35711476)

ผมก็ไม่เคยปักใจเชื่อว่ารูปภาพไหนคือ ภาพสมเด็จลุน หลักฐานที่เอามาลงให้ทราบนี้ก็เพื่อให้เป็นข้อมูลแด่ทุกๆท่าน เอาไปสืบค้น อ้างอิง

จากบทความของอำพล เจน หลวงปู่พรหมา บอกว่า สมเด็จลุน หน้าละม้ายคล้ายกับหลวงปู่นาค วัดป่าใหญ่ ผมเลยลองเอาใบหน้ามาเทียบกันให้ดู แต่ผมไม่ขอฟันธงนะครับ
(http://upic.me/i/pg/compare.jpg) (http://upic.me/show/35721415)

ผมได้มีีโอกาสไป สปป.ลาว กับหลวงปู่อ่อง ฐิตธมฺโม แล้วเจ้าอาวาสวัดเวินไซ ได้มอบ 2 สิ่งให้กับผม
1. รูปสำเร็จลุน
2. ใบโพธิ์รูปสำเร็จลุน
3. ผมได้ถ่ายรูปเหมือนสำเร็จลุน ที่ตั้งอยู่หน้าพระธาตุที่บรรจุอัฐิธาตุสำเร็จลุน ที่วัดโพธิ์ไชยยาราม แขวงจำปาศักดิ์ สปป.ลาว
... ลองพิจารณาดูครับ ...

ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ

พัดยศทรงหยดน้ำในลาวไม่น่าจะมีนะครับ
พัดยศตราช้างเผือกก็น่าจะไม่มีในลาวนะครับ
นาฬิกาก็น่าจะเป็นช่วงรัชการที่5ครับ

ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ถูก-ผิด ขออภัยครับ

- อย่าลืมครับว่า ไทยเสียดินแดนจำปาสักให้กับฝรั่งเศษ เมื่อ ๑๒ พ.ค. ๒๔๔๖  (รศ.๑๒๒) ในสมัยรัชกาลที่ ๕
- สำเร็จลุน ชาตะ ๒๓๙๖  มรณะ ๒๔๖๖  สิริอายุรวม ๗๐ ปี
- เมื่อครั้งไทยเสียดินแดนจำปาสัก สำเร็จลุนน่าจะมีอายุประมาณ ๕๐ ปีแล้ว
- แสดงว่าเมื่อท่านอายุเยาว์  จนถึง ๕๐ ปีนั้น ท่านจะจำพรรษาที่ใดบ้างไม่ทราบ แต่จำปาสักขึ้นกับประเทศไทย
ผิดถูกอย่างไรช่วยกันปรับปรุงครับ 017

ตอนนี้ได้ข้อมูลมาอ้างอิงอีกนิดหน่อยครับ

พัดไอยราพต
พัดรองงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พุทธศักราช 2416 พื้นแพรปักไหมสีรูปพระเกี้ยว ประดิษฐานบนพานแว่นฟ้าเหนือรูปอาร์มตราไอยราพต

(http://upic.me/i/62/4smsn.jpg) (http://upic.me/show/35156441)


พัดรองที่ระลึกงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พัดรองที่ระลึกนี้ ทำขึ้นเป็นที่ระลึกในงานพระราชพิธีบรมราชภิเษก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. 2416 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถวายพัดรองแด่สมเด็จพระราชาคณะ และพระราชาคณะ พัดรองนี้ชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พัดไอราพต" (ช้างสามเศียร) จัดเป็นพัดรองที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองไทย และเป็นพัดที่มีการตกแต่งด้วยการปักไหมเป็นครั้งแรก โดยสั่งปักมาจากเมืองจีน ทั้งนี้พระองค์มีความเห็นว่าช่างไทยมีความชำนาญ ในการปักดิ้นได้งามกว่าชาติอื่น แต่ไม่ชำนาญในการปักไหมเหมือนชาติจีน ภายหลังจึงมีการหัดปักไหมขึ้นจนมีความชำนาญ ความสยวงามของพัดนี้อยู่ที่ลวดลายในการปัก และการใช้ไหมสีที่ดูเด่นสะดุดตา งดงามสมพระเกียรติยิ่งนัก ปักลายพานแว่นฟ้า ซึ่งประดิษฐานพระจุลมงกุฎ ใต้ลงมาเป็นช้างสามเศียรขนาบด้วยราชสีห์และคชสีห์ รอบขอบพัดปักลายช่อดอกไม้อันอ่อนช้อย ส่วนนมพัดทำด้วยงา สลักเป็นรูปกลีบบัว และแกะลายพระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ 5 ด้ามพัดทำด้วยงา

ขอบคุณข้อมูลจาก  http://www.baanjomyut.com/library/calendar/talapat/index.html

ช่วยขยายความหน่อยครับรูปด้านขวามือนี้มีที่มาอย่างไรครับ 007

พัดรองนี้ ไอยราพต แน่นอนครับ

เพิ่มเติมครับ สืบจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่๕ พ.ศ.2416
- รัชกาลที่ ๕ พระราชสมภพ พ.ศ.๒๓๙๖    สำเร็จลุน  ชาตะ ๒๓๙๖  ยกเว้นในวงเล็บ (บางตำราว่า พ.ศ. ๒๓๘๙) จะเห็นว่าเกิดปีเดียวกัน
- พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อทรงบรรลุนิติภาวะ คือพระชนมายุ ๒๐ พรรษา  สำเร็จลุนก็น่าจะอายุ ๒๐ ปี
- พระที่จะเข้าพิธีบรมราชาภิเษก คิดว่าคงต้องเป็นราชาคณะชั้นสมเด็จทั้งนั้น (ได้รับพัดรองไอยราพต)
- ขณะนั้นหลวงปู่สำเร็จลุนท่านจะอยู่ที่ใหนครับ ตามประวัติน่าจะยังอยู่ฝั่งจำปาสัก
- แต่พระภิกษุในภาพที่เราวิเคราะห์อยู่ ก็ยังหนุ่มมาก อายุราว ๒๐ ถึง ๓๐ ก็น่าจะได้ :wan-e016:

ฝาและเชิงบาตร ชุดเดียวกันกับพัด

รูปนี้มีข้อถกเถียงกันมานาน ส่วนตัวเมื่อนำข้อมูลของหลายๆท่าน ท่านพี่ vs12 ท่านพี่โก้และท่านเต้นำมาวิเคราะห์รวมกันแล้ว รูปตอนหนุ่มที่ว่าเป็นสำเร็จลุน ก็น่าจะเป็นสมเด็จพุฒาจารย์ วัดโพธิ์ ท่าเตียน มิใช่สำเร็จลุนเเต่อย่างไร ยิ่งมาพินิจพิเคราะห์หลายๆด้านก็เห็นความขัดเเย้งจากข้อเท็จจริงของหลวงปู่สำเร็จลุนอย่างเห็นได้ชัดครับ  ท่านสมาชิกท่านอื่นๆคิดเห็นเช่นไรร่วมกันแสดงความคิดเห็นหน่อยครับ    :wan-e042: 007

เห็นด้วยกับคุณคนโก้อย่างยิ่งครับ สมัยนั้น  จำปาสัก ยังเป็นดินแดนของไทย การจะได้รับพัดยศของไทย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

           ไม่เห็นด้วยครับ รูปนั้นนะสามารถเช็กได้นะครับว่าพระรูปไดได้รับพระราชทานพัดรองนั้นไปได้ครับ เพราะมันเป็นพิธีหลวงมีการบันทึกไว้ครับว่ามีพระราชาคณะรูปได้ได้รับอาราชทนาบ้าง สมเด็จลุนไม่ได้รับพัดยศไทยแน่นอนครับเพราะถ้าได้จะมีบันทึกแน่นอน และที่สำคัญพัดยศนั้นที่อยู่ข้างๆนะ ตำแหน่งใหญ่กว่าพระครูวิโรจรัตนโนบลเสียอีก(ที่นำมาเปรียบเทียบกับหลวงปู่รอด)เพราะหลวงปู่รอท่านเป็นเจ้าคณะมนฑณอุบลนะ สถานที่พำนักสมเด็จลุนนะครับก็พอจะคาดคเนได้นะครับ จากประวัติการเขาเรียนวิชาของศิษย์ท่านนะครับอย่างหลวงปู่ศรีทัตต์ หลวงพ่อชุน หลวงปู่ป้อ มหาสารคาม พระอาจารย์ตู้ กรรมฐานแพง หลวงปู่คำมี ก็น่าจะพ่อประมาณได้นะครับว่าท่านพำนักอยู่ไหน พระที่ได้รับพัดยศรูปหยดน้ำในกรณีพิเศษก็มีการบันทึกนะครับ อย่างกรณี หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง ภูเก๊ต นะครับ แค่นี้ผมว่าก็น่าจะชัดแล้วนะในกรณีรูปทีอ้างว่าเป็นสมเด็จลุนที่มีพัดยศและพัดรองนะว่าไม่ใช้สมเด็จลุนแน่นอน
           สุดท้าย ฝากข้อคิดบางอย่าง ให้ดูกรณีรูปพระครูเทพโลกอุดร เป็นตัวอย่างครับว่าสรุปแน่ชัดแล้วมัวครับ ถ้ารักเคารพครูบาอาจารย์ส่ายนี้จริงๆนะอะไรทีรู่ว่าไม่ใช้เอาออกจากท่านชะนะครับ รูปเหมือนลักษณะนี้นะครับเห็นเยอะนะแต่จะออกมายุคหลังจากรูปถ่ายในเคลือโลกทิพย์ลงหนังสือแล้วทั้งนั้นหละครับ ตอนนี้น่าจะได้เห็นกันแล้วนะครับว่าเกจิรูปไหนหากินกับชื้อสมเด็จลุนบ้างใครของจริงใครของปลอมก็เรื่มชัดแล้วนะครับ
          

ตามที่พี่คนโก้วิเคราะห์คือภาพพระในรูปยังหนุ่มเกินไปสำหรับเป็นสำเร็จลุนครับ พระในรูปน่าจะ20-30ปีเเต่สำเร็จลุนช่วงนั้นน่าจะ50ปีครับ  เมื่อนำเหตุผลของท่านพี่ต่างๆมารวมกับ เหตุผลที่พี่  thaza วิเคราะห์นั้นก็มีน้ำหนักมากพอสมควรที่ว่าภาพนี้ไม่ใชสำเร็จลุนเเต่อย่างใด  อีกอย่างตามที่กระผมได้ศึกษามาพระสายสำเร็จลุนที่ใกล้ชิดที่สืบวิชามาจากสำเร็จลุนโดยตรงปฏิปทาจะอยู่อย่างพระป่าอีสาน(ก่อนที่ รศ.121 จะกลืนพระป่าสายอีสานกลายเป็นพระป่าสายธรรมยุติ)กล่าวคือจะไม่ยอมรับตำแหน่งใดๆทางการปกครองคณะสงฆ์ครับ ยกเว้นศิษย์ที่สืบวิชาจากญาท่านธรรมบาลผุยและพระครูวิโรน์รัตโนบลบางท่านยังคงรับตำแหน่งทางการปกครอง
อนึ่งส่วนตัวตั้งแต่ค้นคว้าศึกษาและเผยแพร่พระศิษย์สายสำเร็จลุนมาผมก็ยังไม่เคยนำรูปภาพนี้มายืนยันว่าเป็นหลวงปู่ใหญ่สำเร็จเเต่อย่างใดเพราะโดยส่วนตัวนั้นคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ไม่ใช่ท่าน  หรือท่านใดมีหลักฐานข้อมูลแย้งอื่นๆยินดีรับฟังครับ 007

สำเร็จลุนเป็นพระผู้ทรงอภิญญาแห่งประเทศลาวเช่นกัน มีเรื่องเล่าว่า มีพระเฒ่าองค์หนึ่งได้เคยเข้าไปทดสอบวิชากับหลวงปู่ศุข พอพระเฒ่าเข้าไปถึง


หลวงปู่ศุขก็เอ่ยถามว่า ?ท่านมาจากที่ไหนครับ?

พระเฒ่าเอ่ยตอบมาว่า ?ผมมาจากนครเวียงจันทร์ครับ?

หลวงปู่ศุขถามต่อไปว่า ?แล้วท่านมีภารกิจอันใดให้ผมรับใช้ครับ?

พระเฒ่าตอบมาว่า ?กระผมอยากรู้ว่าสมภารเจ้าแห่งวัดมะขามเฒ่าเก่งจริงดังที่เขาเลื่องลือไหม?

พอหลวงปู่ศุขฟังจบท่านก็หันไปรูดใบมะขามเสกพร้อมตอบไปว่า ?ผมขอโทษนะครับ?

หลวงปู่ศุขก็ได้ขว้างใบมะขามออกมา กลายเป็นต่อและแตน บินพุ่งเข้าใส่พระองค์นั้น พระเฒ่าองค์นั้นได้ยกมือขึ้นรับต่อและแตน แทนที่ต่อและแตนจะบินเข้าไปต่อยพระเฒ่า แต่กลับบินเข้าไปอยู่ในมือและกลายเป็นใบมะขามเหมือนเดิม

หลวงปู่ศุขเลยเอ่ยถามพระเฒ่าว่า ?ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร โปรดเมตตาต่อข้ากระผมด้วยครับ?

พระเฒ่าตอบด้วยความเคารพเช่นกันว่า ?กระผมคือสำเร็จลุนครับ?

หลวงปู่ศุขเลยพนมมือทำความเคารพและกล่าวไปว่า ?กระผมได้ยินแต่ชื่อเสียงพึ่งเห็นตัวจริงวันนี้นี่เอง เหมาะสมที่ได้ชื่อว่าสำเร็จลุนจริงๆ?       007

ทดสอบๆๆๆ

มีรูปนี้ที่วัดนาอุดมด้วยครับ

(http://upic.me/i/61/dsc03933.jpg) (http://upic.me/show/31322336)

 ท่านใดมีภาพนี้ ผมขอหน่อยนะคร๊าฟฟฟฟฟ  :wan-e046:

ภาพนี้ พี่ที่ผมรู้จัก ท่านหนึ่ง นำไปถวายวัดนาอุดม เองครับ พี่ท่านนี้ ยังถวายรูปกัมมัฏฐานแพงที่ วัดสิงหาญ และรูป ญาถ่านฤทธิ์ ที่กุฏิ วัดของหลวงปู่คล้ายอีกด้วยครับ 005

สรุปแล้วใช่รูปท่านจริงๆไหมครับ

ยังรอคำตอบครับ 021

ผมว่าบ่แมนครับ

ผมว่าภาพสมเด็จลุน อาจจะไม่มีเลยก็ได้นะครับ นี่เป็นความเห็นส่วนตัว ด้วยเหตุผลสนับสนุน 2 ประการ
1. ถ้ามีภาพ ทางเวินไซ ต้องมีรูปท่านติดไว้ให้บูชาบ้าง แต่ีนี่มีสมาชิกท่านหนึ่งเคยไปเวินไซและถ่ายรูปมา มีแต่ภาพวาด
2. พระรุ่นเก่าๆ ไม่นิยมถ่ายรูป บางองค์ตลอดชีวิตท่านก็ไม่อนุญาตให้ใครถ่ายรูป เช่นหลวงพ่อเนียม วัดน้อย หลวงพ่อพัฒน์ นารถะ และอย่างหลวงปู่หมุนซึ่งเป็นพระโบราณและเป็นศิษย์สายนี้ ท่านก็ไม่อนุญาตให้ใครถ่ายรูปมาก่อน จนหลังๆนี่ถึงถ่ายภาพได้

นิทานนะครับ นิทาน
เผิ่นว่ามีครับ ฝรั่งเขาถ่าย แต่รูปอยู่ฝรั่งเศษว่าซั่ง
จัดใฝ๋สิเห็นนำแหลว บาดนี้ครับ

ผมว่าทางฝั่งซ้ายต้องมีแหละ แต่ไม่รู้พิกัดที่ชัดเจน

รูปถ่ายสมเด็จลุนจริงหรือ?
  #ภาพถ่ายสมเด็จลุนที่เข้าใจผิดกันมานาน
แท้จริงแล้วท่านคืออดีตเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
หลายๆ คนคงเคยเห็นภาพสมเด็จลุน พระเกจิชื่อดังชาวลาว ซึ่งเป็นที่คุ้นตาในอินเตอร์เน็ต แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราเข้าใจผิดกันมาซะนาน แท้จริงแล้วภาพที่เราเห็นคือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เข้ม ธัมมสโร) ขณะนั้นสมณศักดิ์เป็นพระราชมุนี พระราชาคณะชั้นราช ซึ่งท่านคืออดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 9 วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ เป็นสมเด็จพระราชาคณะเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เจ้าคณะมณฑลชุมพรและพิศณุโลก
มีนามเดิมว่า เข้ม ธนสังข์ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๙๖ (วันแรม ๗ ค่ำ เดือนอ้าย ปีฉลู) จุลศักราช ๑๒๑๕ ปีที่ ๓ แห่งรัชกาลที่ ๔ ณ บ้านโรงช้าง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร เมื่อมีอายุ ๑๐ ปี ได้ศึกษาเล่าเรียนอักขระสำนักพระอาจารย์พุ่ม วัดนครชุม ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร พ.ศ. ๒๔๑๐ เมื่ออายุได้ ๑๕ ปี ได้ลงมาศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพมหานคร อยู่เป็นศิษย์ พระญาณสมโพธิ (อ่ำ) ครั้งยังเป็นพระอันดับ บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๐ (อายุ ๑๕ ปี) ที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
อุปสมบท เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๘ (อายุ ๒๓ ปี) ณ วัดรังษีสุทธาวาส โดยมี พระปัญญาพิศาลเถร (บัว) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระโพธิวงศาจารย์ (วิญญู) วัดบรมวงศ์อิศรวราราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดศรี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้นามฉายาว่า ธมฺมสโร อุปสมบทแล้วกลับมาวัดมหาธาตุฯตามเดิม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เข้ม ธัมมสโร) มรณภาพเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๔ เวลา ๑๖.๓๐ น. สิริรวมอายุได้ ๘๙ ปี พรรษา ๖๗
มูลเหตุบ่งชี้คือพัดยศที่เราเห็นในภาพ เพจกลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร  ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า คือ พัดไอยราพต บ้าง พัดเอราวัณ บ้าง จัดเป็นพัดรองที่ระลึกลำดับแรกที่มีลวดลายสัญลักษณ์ของงานและระบุศักราช สั่งปักจากประเทศจีน เป็นพัดรองงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๔๑๖ ลักษณะพัด พื้นแพรสีฟ้าอมเทา ปักไหมหลากสีเป็นลายพระราชลัญจกรในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ลายจุลมงกุฎเปล่งรัศมี ประดิษฐานเหนือพานแว่นฟ้า มีฉัตรประดับ ๒ ข้าง และพระราชลัญจกรไอยราพตเป็นรูปช้าง ๓ เศียร ในกรอบรูปโล่ มีราชสีห์และคชสีห์ขนาบซ้ายและขวา มีริบบิ้นสีชมพูจารึกอักษรพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ บดินทรเทพยมหามงกุฎ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ศักราช ๑๒๓๕ มีลายประกอบรูปกิ่งไม้ ดอกไม้ ขอบโดยรอบลายดอกไม้ ด้ามเป็นงา นมพัดเป็นงาแกะสลักเป็นรูปจุลมงกุฎ ประดิษฐานบนพานแว่นฟ้า มีฉัตรประดับซ้ายขวา ในจดหมายเหตุบรมราชาภิเษกครั้งหลัง รัชกาลที่ ๕ เรียกว่า พัดด้ามงาทั้งแท่งปักลายตราแผ่นดิน เนื่องจากลักษณะพิเศษของพัดนี้ คือ ด้ามและนมพัดเป็นงาตลอดด้าม
อ่านต่อที่นี่ https://kidnan.com/29554