หัวข้อ: ปราสาทหิน ร่องรอยอารยธรรมอันรุ่งเรื่อง เริ่มหัวข้อโดย: เต้ อุบล ที่ 10 ตุลาคม 2554, 15:42:50 ปราสาทบ้านเบญจ์
ที่ตั้ง : บ้านหนองอ้ม ตำบลหนองอ้ม อำเภอทุ่งศรีอุดม จังหวัดอุบลราชธานี ประเภท : แหล่งโบราณคดี ปราสาทบ้านเบญจ์เป็นศาสนสถานขอมขนาดย่อม ประกอบด้วยปรางค์อิฐ 3 หลัง ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงที่สร้างแยกกัน กรมศิลปากรได้ทำการขุดแต่งในปี พ.ศ. 2533 ได้พบทับหลังรูปเทพนพเคราะห์ หรือเทวดาประจำทิศทั้ง 9 องค์ และรูปพระอินทร์ทรง ช้างเอราวัณ จากลักษณะแผนผังทางสถาปัตยกรรมและภาพสลักบนทับหลังที่พบ อาจกำหนดอายุปราสาท หลังนี้ได้ประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 15 ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 16 อ้างอิงจาก : http://www.thaitambon.com หัวข้อ: Re: ปราสาทหิน ร่องรอยอารยธรรมอันรุ่งเรื่อง เริ่มหัวข้อโดย: เต้ อุบล ที่ 10 ตุลาคม 2554, 15:46:02 ปราสาททองหลาง
ปราสาททองหลาง" ตั้งอยู่ที่บ้านท่าโพธิ์ศรี หมู่ที่ 10 ตำบลท่าโพธิ์ศรี ปราสาททองหลางเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะเป็นปรางค์ ก่อด้วยอิฐ 3 หลัง ตั้งเรียงกันในแนวเหนือ ? ใต้ บนฐานศิลาแลงเดียวกัน หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ปราสาทหลังกลางมีขนาดใหญ่กว่าปราสาทอีกสองหลังที่ขนาบข้าง จากลักษณะรูปแบบทางสถาปัตยกรรม สันนิษฐานได้ว่าปราสาททองหลางมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 16?17 เทียบได้กับศิลปะเขมรแบบบาปวน (พ.ศ. 1550-1620) กรมศิลปากร ได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 53 ตอนที่ 34 วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2479 และกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 99 ตอนที่ 155 วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2525 พื้นที่ประมาณ 6 ไร่ 3 งาน 52 ตารางวา ปราสาททองหลางเป็นโบราณสถานที่รับอิทธิพลวัฒนธรรม-เขมรโบราณที่พบไม่มากนัก ในเขตจังหวัดอุบลราชธานี การเดินทาง บ้านท่าโพธิ์ศรี ห่างจากตัวอำเภอเดชอุดม 10 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 2171 ถนนสายเดชอุดม-น้ำยืน ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.ubonguide.org/forum/index.php?topic=303.0 หัวข้อ: Re: ปราสาทหิน ร่องรอยอารยธรรมอันรุ่งเรื่อง เริ่มหัวข้อโดย: เต้ อุบล ที่ 10 ตุลาคม 2554, 15:52:04 ดงเมืองเตย
ดงเมืองเตย คือ ชื่อเมืองโบราณสำคัญแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในเขตตำบลสงเปือย อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ภูมิประเทศโดยรอบยังพอเรียกขานได้ว่า ?ดง? นอกจากแมกไม้พื้นบ้านประเภทเบญจพันธุ์แล้วยังมีต้นยางนาขนาดใหญ่หลายสิบต้นยืนเปลือยร่างสูงตระหง่าน แผ่กิ่งก้านสาขาทอดเงาครึ้มสลัวสลางบนเนินดินสีเทาทึม บรรยากาศเย็น ๆ สงบ ๆ ชวนให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มในอารมณ์ยิ่งนัก แม้สายแดดยามใกล้เที่ยงแผดเผาเปรี้ยง ๆ ไปทั่วท้องทุ่งยามหน้าแล้ง แต่ดงดอนแห่งนี้ยังคงสงบเย็น สงัดเงียบราวกับฝังตัวอยู่ไกลแสนไกลจากโลกปัจจุบันอันแสนเร่าร้อนและยุ่งเหยิง หากสำรวจโดยรอบจะพบว่า สถานที่แห่งนี้ยังได้รับการสงวนไว้เป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ของชุมชน มีการใช้ประโยชน์ในการบำเพ็ญเพียรทางจิตของพระธุดงค์ และกลุ่มอุบาสก อุบาสิกา พากันนุ่งขาว ห่มขาวนั่งสมาธิกันอย่างสมณะอยู่ตามศาลามุงหญ้าหลังเล็ก ๆ ส่วนหลักฐานด้านโบราณคดีพบว่า มีซากเจดีย์ สระน้ำหรือบาราย กำแพงเมือง ใบเสมาขนาดใหญ่ ศิลาจารึกอักษรปัลลวะ และชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมศิลาทรายที่สวยงาม จากร่องรอยเหล่านี้ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์โบราณคดีต่างสันนิษฐานว่า ดงเมืองเตย เคยเป็นชุมชนโบราณสมัย เจนละ- ทวารวดี เมื่อประมาณพันปีเศษที่ผ่านมา เมืองโบราณแห่งนี้รวมทั้งชุมชนใกล้เคียงในแถบอารยธรรมลุ่มน้ำชี ? มูลเคยเป็นเมืองที่มีชื่อตามจารึกว่า ?ศังขะปุระ? ที่มีความสัมพันธ์ในฐานะเมืองสำคัญแห่งหนึ่งของอาณาจักรเจนละที่มีอาณาเขตกว้างขวางเกือบทั่วภาคอีสานโดยมีกษัตริย์เรืองอำนาจสูงสุดในยุคนั้นคือ ?พระเจ้าจิตเสน? เป็นผู้ปกครอง แล้วพัฒนาการมาเป็นอารยธรรมขอมในเวลาต่อมา จากข้อมูลสด ๆ ในพื้นที่ หลักฐานสำคัญของเมืองโบราณแห่งนี้ไม่ใช่ฐานเจดีย์อิฐที่เคยรับรู้และเข้าใจว่านั่นคือทั้งหมดของ ?ดงเมืองเตย? แต่แท้จริงแล้วคือ ชิ้นส่วนประเภทศิลาทรายสีชมพูซึ่งเก็บรักษาไว้ภายในศาลาวัด หลายชิ้นมีขนาดมหึมา และแกะสลักลวดลายไว้สวยงาม สุดแสนอลังการ เนื่องจาก ภายในเมืองโบราณดงเมืองเตยหรือบริเวณใกล้เคียงไม่ปรากฏซาก ร่องรอยสิ่งก่อสร้างใด ๆ ที่ใช้วัสดุประเภทหินเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง จึงทำให้เกิดข้อสงสัยบางประการ ชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมเหล่านี้ใช้ประดับตกแต่งสิ่งก่อสร้างใด และตั้งอยู่จุดใดของเมืองโบราณดงเมืองเตย หรือว่า ชุมชนแห่งนี้เป็นถิ่นพำนักของศิลปินพื้นบ้าน รับจ้างแกะสลักหินสำหรับนำไปประดับตกแต่งปราสาท เทวาลัยที่พบเห็นอยู่ดาษดื่นทั่วภาคอีสาน คงเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมชนิดพลิกแผ่นดิน หรือมีเหตุการณ์สำคัญอะไรสักอย่างที่ทำให้การทำงานของช่างหยุดชะงักลง แล้วแตกกระสานซ่านเซ็นกันไปคนละทิศละทาง ชิ้นส่วนงานแกะสลักเหล่านี้จึงถูกทิ้งร้างอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ลายแกะสลักเหล่านี้บ่งบอกได้ดีว่า บรรพชนคนดงเมืองเตยมีความเจริญก้าวหน้า มีการติดต่อ สร้างเครือข่ายกับคนภายนอกอย่างคึกคักมาเป็นเวลานาน ที่สำคัญคือ ที่นี่เป็นชุมชนที่มีความมั่นคง สงบสุข ร่มเย็นเพียงพอที่จะก่อให้เกิดกลุ่มบุคคลที่มีภูมิปัญญาในการสร้างสรรค์ศิลปกรรมละเอียดอ่อน ล้ำลึกถึงเพียงนี้ ภายใต้เงาไม้ใหญ่อันวังเวง พลันนั้นคล้ายมีสำเนียงวิเวกแว่วในห้วงภวังค์ราวส่ำเสียงบริกรรมภาษาโบราณมาจากที่ใดสักแห่ง แม้ว่า เหล่าบรรพชนชาวเจนละ-ทวารวดี ได้สลายร่างและสูญสิ้นอาณาจักรแห่งการปกครองไปแล้วอย่างถาวรก็ตาม แต่เลือดเนื้อแห่งอารยธรรมสีชมพูยังสดใสพร่างพราวโดดเด่นเหนือระบบการปกครองใด ๆ และสถิตย์เหนือกาลเวลา ขอคุณข้อมูลจาก http://www.oknation.net/blog/U-Thong/2010/03/12/entry-1 |