ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน

ห้องพระ => พระคณาจารย์อริยสงฆ์ทั่วประเทศ => ข้อความที่เริ่มโดย: maxna ที่ 04 ธันวาคม 2562, 14:08:41



หัวข้อ: พระเกษาธาตุ พระอัฐิธาตุ ปรมาจารย์ใหญ่หลวงปู่สมเด็จลุน
เริ่มหัวข้อโดย: maxna ที่ 04 ธันวาคม 2562, 14:08:41
พระเกษาธาตุ พระอัฐิธาตุ ปรมาจารย์ใหญ่หลวงปู่สมเด็จลุน

     พระอัฐิธาตุ พระเกษาธาตุ ไม่ใช่ของที่ใครอยากได้แล้วจะได้ สิ่งที่ท่านเห็นนี้ คือ เสาหลักค้ำครูธรรมสายธรรมอุตฺตโมบารมีทั้งประเทศ
พระอัฐิธาตุ พระเกษาธาตุ ปรมาจารย์ใหญ่หลวงปู่สมเด็จลุน ปัจจุบันอยู่ในความดูแลรับชอบ เก็บรักษา บรมครูญาถานเบิ้ม อุตฺตโม อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี
บรมครูสายธรรมอุตฺตโมบารมี ผู้สืบทอดรุ่น ๓ ผู้เก็บรักษาตำราพระเวทย์พิธีกรรมต่างๆ ให้คงอยู่
    
     เกศาสมเด็จลุนของวิเศษที่หาไม่ได้อีกแล้ว
     หลังสมเด็จลุนละสังขารลงในปี ๒๔๖๓ เจ้าบุญอุ้ม เจ้าผู้ครองนครจำปาสักในสมัยนั้นได้เป็นผู้จัดพิธีปลงศพ
ณ พื้นที่ป่าด้านเหนือของบ้านเวินไซต่อมาบริเวณเผาศพสมเด็จลุน มีต้นโพธิขึ้นมา ๕ ต้น จนทุกวันนี้ อัฐิธาตุของหลวงปู่สมเด็จลุนได้ถูกแบ่งบรรจุ ดังนี้
     ๑.สถูปหน้าโบสถ์วัดศรีมงคลยาราม
     ๒.สถูปสุสานหลวงของเจ้าผู้ครองนครจำปาสัก วัดทุ่งใกล้เขตตัวเมืองเก่าจำปาสัก
     ๓.สถูปหลังตึกขาว โขงเจียม ของตระกูล กอมณี ญาติของท่านที่ อ.โขงเจียม
     ๔.บรมครูญาถานเบิ้ม อุตฺตโม บรมครูใหญ่สายธรรมอุตฺตโมบารมี อ.เขมราฐ จ.อุบลฯ ท่านคือ รุ่นที่ ๓ ที่ได้รับการส่งต่อเก็บรักษาดูแล จากหลวงปู่สว่าง โพธิญาโณ วัดสนามชัย บ.นาหว้าน้อย อ.เขมราฐ จ.อุบลฯ
    
    
    
    


หัวข้อ: Re: พระเกษาธาตุ พระอัฐิธาตุ ปรมาจารย์ใหญ่หลวงปู่สมเด็จลุน
เริ่มหัวข้อโดย: maxna ที่ 29 มกราคม 2563, 12:30:59
การก่อตั้ง สายธรรมอุตฺตโมบารมี
   จากคำบอกเล่าของหลวงปู่สว่าง โพธิญาโณ วัดสนามชัย บ.นาหว้าน้อย อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี การสืบทอดมีมาตั้งแต่สมัย ญาถานอุตฺตมะ อุปัชญาย์สำเร็จลุน และมีศักดิ์เป็นหลวงอา อดีตเจ้าอาวาส        
วัดสิงหาญ ตำบลสะพือ อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. ๒๓๙๐ – ๒๔๒๐ ญาถานอุตฺตมะได้ย้ายมาจาก ฝั่งขวาแม่น้ำโขงไม่ทราบได้ว่าบ้านไหน ได้บวชเป็นพระและได้เดินทางมาบ้านสะพือ
ชาวบ้านจึงได้นิมนต์ท่านให้อยู่จำพรรษที่บ้านสะพือ
   หลังจากนั้นเริ่มมีศิษย์เข้ามาขอเล่าเรียนพระเวทย์อาคม มีทั้งพระและฆราวาส โดยเรียกกันในกลุ่มว่า สายธรรมอุตฺตมะอุตฺตโม บ้างท่านก็เลือกเรียนเฉพาะอย่าง เช่น บ้างท่านเลือกธรรมพุทโธ
บ้างท่านเลือกธรรมบรรลุ บ้างท่านเลือกธรรมอะระหัง เป็นต้น แต่ในกลุ่มจะรู้กันดีว่าออกจากสายธรรมอุตฺตมะอุตฺตโม
   หลวงปู่สว่าง โพธิญาโณ ท่านเล่าว่า ตัวท่านเองได้มาเล่าเรียนในสายธรรมอุตฺตมะอุตฺตโมสมัยที่ท่านนั้นยังไม่ข้ามมาฝังไทย ยังธุดงปฏิบัติกรรมฐานตามป่าเขาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
จึงมีโอกาสได้เข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์เล่าเรียนอาคมกับหลวงปู่สำเร็จลุน หลวงปู่สำเร็จลุนท่านจึงได้ส่งต่อให้กับสำเร็จตันที่ประสิทธิ์วิชาท่านเป็นเคยอุปถากหลวงปู่สำเร็จลุนเป็นผู้ชี้แนะสั่งสอน
จนได้เจอกับศิษย์ผู้น้อง คือ หลวงปู่จันทร์หอม สุภาทโร หลังจากนั้นก็ตามพากันกราบลาปรมาจารย์แยกออกเดินทางเพื่อปฏิบัติตามป่าเขา
ต่อมาหลวงปู่สว่าง โพธิญาโณ ท่านได้รับการแจ้งข่าวเรื่องการมรณภาพของหลวงปู่สำเร็จลุน เมื่อปี 2563 สิริอายุรวม ๗๐ ปี หลวงปู่สว่าง โพธิญาโณ ท่านได้ไปร่วมงานพิธี
ช่วยสำเร็จตันและเจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาศักดิ์จนเสร็จเรียบร้อย จึงได้กราบลาสำเร็จตันเพื่อเดินทางกับยังวัด สำเร็จตันจึงได้มอบพระเกษา พระอิฐิ บ้างส่วนให้หลวงปู่สว่าง โพธิญาโณ ติดตัว
หลังจากนั้นไม่นานเกิดปัญหาภายในประเทศหลวงปู่สว่าง โพธิญาโณ จึงข้ามมาฝังไทยแล้วจำพรรษาที่วัดบ้านนาหว้านาสนาม อ.เขมราฐ จ.อุบล
หลวงปู่สว่าง โพธิญาโณ ท่านมาอาศัยอยู่ที่วัดบ้านนาหว้านาสนาม ก็ได้มีเหล่าศิษย์ที่หลวงปู่เคยชี้แนะสั่งสอนพระเวทย์อาคมให้รู้ว่าท่านอยู่ที่วัดบ้านนาหว้านาสนาม
จึงเดินทางมากราบท่านทุกปี ในแต่ละปีจะเป็นภาพที่มีผู้คนเดินทางมีทำพิธีไหว้ผีทัย ผีเชื่อ ทั้งจาก สปป.ลาว และจากไทย
เริ่มให้ใช้ชื่อ สายธรรมอุตฺตโมบารมี
หลวงปู่สว่าง โพธิญาโณ ท่านมอบว่า ในอนาคตจะมีฆราวาสเข้ามาเล่าเรียนในสายหลวงปู่สำเร็จลุนมากมาย ท่านจึงให้ตัดคำว่า อุตฺตมะ ออกให้เหลือแต่คำว่า อุตฺตโม แปลว่า สูงสุด, ดีที่สุด, ยอดเยี่ยม, เลิศ    
เป็นผู้ใฝ่รู้ใฝ่เรียน เป็นผู้มีความเพียรในคำสอน เป็นผู้ยึดคำสอนครูเป็นหลัก ศิษย์ฆราวาสรุ่นต่อมาจึงใช้ชื่อ สายธรรมอุตฺตโมบารมี สืบทอดต่อมา
     จากต้นกำเนิดมาจนถึงปัจจุบันการสืบทอดสายธรรมนี้ก็มีอายุนับร้อยขึ้น สืบทอดกันเป็นรุ่น ก่อนที่หลวงปู่สว่าง โพธิญาโณ จะล้มป่วย ท่านได้มอบพระเกษา พระอิฐิให้กับปู่รินทอง
หัวหน้าโรงเลื่อยบ้านนาสนาม ปู่รินทองคือบิดาของญาถานเบิ้ม อุตฺตโม ผู้สืบทอด รุ่นที่ 3  ต่อมาพระเกษา พระอิฐิปรมาจารย์ หลวงปู่สำเร็จลุน วัดเวินไซ เมืองโพนทอง แขวงนครจำปาสัก
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่ได้รับการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นจนมาถึงสายธรรมอุตฺตโมบารมี โดยมีหลักฐานพยานบุคคล ไม่ว่าจะเป็นเชื่อสายตรง ชาวบ้านที่อยู่ใกล้วัดเวินไซ
หรือศิษย์ที่ข้ามมาไทยท่านได้นำข้ามมายังประเทศไทย บ้างท่านได้แต่ผงพระอัฐิ บ้างท่านได้ เขี้ยวท่านหรือฟัน บ้างท่านได้ พระเกษาและยิ่งมีเกิดความบังเอิญ ท่านที่ได้ครอบครอง
ได้แบ่งให้บรมครูสายธรรมอุตฺตโมบารมี วัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นเสาหลักให้ศิษย์ ได้กราบบูชาเป็นตัวแทนของปรมาจารย์ใหญ่หลวงปู่สำเร็จลุน และให้ สืบทอดต่อไป  


หัวข้อ: Re: พระเกษาธาตุ พระอัฐิธาตุ ปรมาจารย์ใหญ่หลวงปู่สมเด็จลุน
เริ่มหัวข้อโดย: maxna ที่ 18 มีนาคม 2563, 14:00:55
ผงเถ้าอังคารปรมจารย์ใหญ่หลวงปู่สำเร็จลุน
คณะศิษย์สายธรรมอุตฺตโมบารมี ได้รับการแจ้งข่าวสื่อถึงสายธรรมอุตฺตโมบารมี จากลูกหลานตระกูล กอมณี ว่า นายทองพูล กอมณี (พ่อใหญ่ทา)
มีความประสงค์มอบผงเถ้าอังคารปรมาจารย์ใหญ์หลวงปู่สำเร็จลุน พระมหาเถระชาวเมืองจำปาศักดิ์ ให้สายธรรมอุตฺตโมบารมีทำการสืบทอดเก็บรักษา
ให้คงอยู่เพื่อคนรุ่นหลังได้กราบไหว้ และเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณเหล่าศิษยานุศิษย์สายธรรมอุตฺตโมบารมี

เดิมหลังจากปรมจารย์ใหญ่หลวงปู่สำเร็จลุนมรณภาพ ผงเถ้าอังคารนี้ได้นำมาจากวัดเวินไซ เมืองโพนทอง แขวงนครจำปาศักดิ์ ประเทศลาว (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวปัจจุบัน)
พ่อของนายทองพูล กอมณี (พ่อใหญ่ทา) ตอนนั้นท่านอายุ 15 ปี ได้เดินทางข้ามไปยังประเทศลาว เพื่อร่วมงานพิธีฌาปนกิจศพปรมจารย์ใหญ่หลวงปู่สำเร็จลุน ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๖๓ หลังจากเสร็จสิ้นงานเก็บพระอัฐิ
ท่านได้ปวารณาขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่าจะนำเอาผงเถ้าอังคารนี้กลับข้ามไปบูชายังฝั่งประเทศไทย ปัจจุบันผงเถ้าอังคารปรมจารย์ใหญ่หลวงปู่สำเร็จลุนก็มีอายุมากกว่าหนึ่งร้อยปี