ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน

ชมรมสืบสานตำนานบูรพาจารย์สายสำเร็จลุน => ชมรมสืบสานตำนานบูรพาจารย์ศิษย์สายสำเร็จลุน => ข้อความที่เริ่มโดย: บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน ที่ 15 มิถุนายน 2554, 10:44:20



หัวข้อ: ปรากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร "
เริ่มหัวข้อโดย: บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน ที่ 15 มิถุนายน 2554, 10:44:20
ปรากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร  จ.เพชรบูรณ์"
:: หลวงพ่อมหาอาคม อินฺทสโร ::    


หัวข้อ: Re: ปรากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร "
เริ่มหัวข้อโดย: บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน ที่ 15 มิถุนายน 2554, 10:47:40
พระครูอนุรักษ์วาปีพิสัย (หลวงพ่อมหาอาคม อินฺทสโร)

ชื่อเดิม :  อาคม  ตระกูล  ประทุมทอง

บ้านเกิด :  วันเสาร์ที่ 10 เมษายน  2467  ณ  บ้านโนนแดง  หมู่ที่ 20  ต.หนองแปง อ.กมลาพิไสย จ.มหาสารคาม(ปัจจุบันเปลี่ยน เป็น ต.ลำชี  อ.กมลาพิไสย จ.กาฬสินธุ์)  เป็นบุตรโทนของนายเคน และนางแดง(เสียชีวิตแล้วทั้งสองท่าน)

บรรพชา/อุปสมบท : ปี พ.ศ.2487 อุปสมบทต่อเนื่องจากการบรรพชา โดยมิได้สึกแต่อย่างใด ณ วัดบ้านโนนแดง(วัดบ้านเกิด) โดย พระสารคามมุณี เป็นพระอุปัชฌาย์  ได้รับฉายา  ?อินทสโร?

การปกครอง/สมณศักดิ์

   พ.ศ.2494   เป็นเจ้าอาวาสวัดบุ้งน้ำเต้า  และเจ้าคณะตำบลบุ้งน้ำเต้า  อ.หล่มสัก

   พ.ศ.2519   เป็นเจ้าอาวาสวัดราหุล  อ.บึงสามพัน  และได้รับตราตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์

   พ.ศ.2525   เป็นพระครูสัญญาบัตรพัดยศ  ชั้นโท  ที่  ?พระครูอนุรักษ์วาปีพิสัย?  และเป็น เจ้าคณะอำเภอบึงสามพัน  พร้อมทั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดดาวนิมิต

   พ.ศ.2530   เป็นเจ้าคณะอำเภอชั้นเอก  ในราชทินนามเดิม


หัวข้อ: Re: ปรากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร "
เริ่มหัวข้อโดย: บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน ที่ 15 มิถุนายน 2554, 10:49:50
เรื่องราวของ ?หลวงพ่อมหาอาคม อินทสโร? พระผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่า ?อาคมขลังเมืองมะขามหวาน? หากจะว่ากันให้ละเอียดแล้ว 2 ฉบับ ก็ไม่หมดเนื้อหา ดังนั้นต้องกราบขออภัยที่ต้องย่อเรื่องให้กระชับ แต่อย่างไรก็ตามผมจะพยายามให้รายละเอียดต่าง ๆ คงเดิม ตามที่ ?ครูแดง? ให้ข้อมูลมาครับ

     กล่าวได้อย่างเต็มที่ว่า หลวงพ่อเป็นผู้ฝักใฝ่ในการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง จะเห็นได้ว่าเมื่อเข้าเรียนขั้นมูลหรือชั้นประถมต้น เมื่อายุ 10 ขวบ พ.ศ. 2477 ณ โรงเรียนวัดโนนแดง ต.หนองแปง อ.กมลาไสย จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ใกล้บ้าน หลวงพ่อใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้นก็จบชั้นประถมปีที่ 4 ใน พ.ศ. 2480 และในปีรุ่ง พ.ศ.2481 ท่านก็ได้รับการบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดบ้านตูมชัย ต.หนองแปง ในแถบบ้านเกิดของท่าน ขณะนั้นท่านอายุเพียง 14 ปี และดังที่ได้เรียนไว้เบื้องต้น หลวงพ่อเป็นผู้ใฝ่การศึกษา ดังนั้นในการศึกษาพระปริยัติธรรม ท่านจึงพ้นอย่างสะดวกสบาย โดยในขณะอายุ 19 ปี ท่านก็สอบนักธรรมชั้นเอกเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนั้น ท่านยังได้เรียนบาลีไวยากรควบคู่ไปอีกจนแตกฉานกว่าสามเณรในวัยเดียวกัน และเพราะความที่ชอบในการศึกษา หลังช่วงว่างจากการศึกษาบาลีไวยากรแล้ว หลวงพ่อก็เริ่มศึกษาวิชาอาคมกับพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเขตจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งแต่ละเถรคณาจารย์จะเก่งทางด้านคงกระพันชาตรีและการขับภูติผีปีศาจ แก้คุณไสยต่าง ๆ อาทิ หลวงปู่ป้อ แห่งวัดบ้านเอียด ต.เขว้า อ.เมือง จ.มหาสารคาม และตั้งแต่เป็นสามเณรหลวงพ่อก็ได้วิชาต่าง ๆ มากมายโดยเฉพาะ วิชาขับผี ไล่ปอบ ซึ่งหลวงพ่อก็ได้วิชานี้จนโด่งดัง สมัยเป็นสามเณรแล้ว

     หลังจากอุปสมบทอย่างต่อเนื่องเมื่ออายุครบ 20 ปี แล้วหลวงพ่อก็ได้เดินทางไปศึกษาบาลีธรรมบท ในกรุงเทพมหานคร โดยพักจำพรรษาที่วัดสระเกศ 3 พรรษาด้วยกัน และได้เปลี่ยนสำนักเรียนอีก 2-3 แห่งคือวัดสุทัศน์ และวัดมหาธาตุ แต่แล้วในปี พ.ศ. 2490 ได้เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพาขึ้น ประเทศไทยได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรง เกิดวิกฤติ ข้าวยากหมากแพง จากกรุงเทพมหานคร หลวงพ่อก็ได้โยกย้ายกลับขึ้นไปทางภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ หลบภัยอดอยากจากสงครามโดยจำพรรษาอยู่ที่วัดพระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 2 พรรษา


หัวข้อ: Re: ปรากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร "
เริ่มหัวข้อโดย: บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน ที่ 15 มิถุนายน 2554, 11:18:20
?ก้าวแรกสู่แดนมะขามหวาน นครพ่อขุนผาเมือง?
     ปี พ.ศ. 2494 หลวงพ่อได้ออกธุดงค์จากจังหวัดเชียงใหม่ล่องใต้ตามไม้หมอนรถไฟ และข้ามน้ำข้ามห้วยปีนเขามาถึงอำเภอหล่มสักจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยจำพรรษาครั้งแรกที่วัดไพรสณฑ์วรารามและได้รับมอบหมายจากเจ้าอาวาสให้เป็นครูสอนบาลีธรรมเพราะในขณะนั้น หลวงพ่อได้เปรียญธรรม 4 ประโยค และในปี พ.ศ.เดียวกันนี้ หลวงพ่อก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลลุ้งน้ำเต้า อ.หล่มสัก และจุดนี้คือจุดหักเหให้ชีวิตในสมณเพศของหลวงพ่อ เป็นไปในการเผยแผ่พระศาสนา อบรมปฏิบัติธรรม จริยธรรม แก่พระภิกษุสามเณรในเขตการปกครอง ตลอดจนการเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยการเทศน์สั่งสอน อุบาสก อุบาสิกา และประชาชนทั่วไป จนทำให้ชื่อเสียงในการเป็นพระธรรมถึกของหลวงพ่อโด่งดังไปทั่วอำเภอและใกล้เคียง

     ในปีรุ่งขึ้น พ.ศ.2495 หลวงพ่อก็ได้รับความไว้วางใจ จากคณะสงฆ์จังหวัดเพชรบูรณ์แต่งตั้งให้เป็นพระธรรมฑูต ของจังหวัดเพชรบูรณ์ มีหน้าที่ออกเผยแผ่ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป ตลอดจนพระภิกษุและสามเณรในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์และใกล้เคียง และเพื่อสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ หลวงพ่อจึงต้องจำพรรษาในจังหวัดซึ่งเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่ ณ วัดมหาธาตุ พระอารามหลวงประจำจังหวัด ซึ่งเป็นวัดที่หลวงพ่ออยู่จำพรรษามากที่สุด ก่อนที่จะไปดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอบึงสามพัน

     ช่วงที่อยู่จำพรรษาที่วัดมหาธาตุ เพชรบูรณ์ หลวงพ่อได้ศึกษาวิชาทางโลกเพิ่มเติมจนได้รับสิทธิให้เข้าสอบวิชาครู และสอบได้ในประกาศนียบัตรจากกระทรวงศึกษาธิการ หลักสูตร ?ครูมลพิเศษ? และนับเป็นรูปแรกของพระภิกษุในจังหวัดเพชรบูรณ์ และเพราะวิสัยชอบศึกษาความรู้ในทุก ๆ แขนง เท่าที่โอกาสจะอำนวยให้จนเป็นผู้คงแก่เรียน รู้จริง ปฏิบัติจริง ด้วยเหตุนี้ หลวงพ่อจึงได้รับโปรดประทานจากสมเด็จพระสังฆราชาฯ ให้ดำรงตำแหน่ง ?พระวินัยทรในเขตภาคเหนือ? มีหน้าที่ดูแลความเป็นระเบียบของพระภิกษุสามเณรให้อยู่ในระเบียบวินัยและกฎของมหาเถรสมาคม เขตรับผิดชอบ 8 จังหวัดทางภาคเหนือตอนล่าง อาทิ พิจิตร, นครสวรรค์, กำแพงเพชร, สุโขทัย, อุตรดิตถ์, พิษณุโลก, ตากและเพชรบูรณ์

     หลวงพ่อมหาอาคมอยู่ในตำแหน่ง ?พระวินัยทร? ตั้งแต่เริ่มแรก จนถึงเมื่อยกเลิกระบบการปกครองของสงฆ์ในปี พ.ศ. 2507 นับเป็นพระวินัยทรรูปสุดท้ายของจังหวัดเพชรบูรณ์


หัวข้อ: Re: ปรากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร "
เริ่มหัวข้อโดย: บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน ที่ 15 มิถุนายน 2554, 11:24:12
"12 ปี แห่งการธุดงควัตรและวิชาคาถาอาคม"

    นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2505-2517 หลวงพ่อตั้งปณิธานที่จะออกธุดงควัตร บำเพ็ญเพียรปฏิบัติธรรมและศึกษาด้านเวทมนต์คาถาจากพระเกจิอาจารย์ต่าง ๆ เพิ่มเติม โดยเริ่มต้นจากภาคเหนือ นับแต่ พิจิตร, พิษณุโลก, สุโขทัย ข้ามภูพระวอที่ตาก ไปแม่สอดและข้ามแม่น้ำเมยเข้าไปพม่า จากนั้นจึงวกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือทางจังหวัดเลย มุ่งอีสานข้ามแม่น้ำโขงไปฝั่งลาว แขวงจำปาศักดิ์ แล้วลงภาคใต้ที่ประจวบฯ ลุยขึ้นเขาสามร้อยยอดต่อไปอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปักกลดแถบเขาโตนงาช้างของนครศรีธรรมราช, ยะลาและข้ามไปปาดังเบซาร์แดนมาลายู
     
     หลวงพ่อใช้เวลาการเดินทางธุดงค์ศึกษาศาสตร์ต่าง ๆพร้อมทั้งบำเพ็ญเพียรกรรมฐาน และสมาธิจิตกลางป่าดงดิบนานถึง 12 ปีเต็ม ๆ ได้วิชาความรู้ด้านเวทมนต์คาถา จากพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคมหลายรูป ทั้งฝากตัวเป็นศิษย์ และทั้งแลกเปลี่ยนวิชาอักขระยันต์ต่าง ๆ ตามแต่โอกาสจะอำนวยให้ เช่น ปี พ.ศ. 2508 ขณะธุดงค์ไปจังหวัดตาก ข้ามภูพระวอไปอำเภอแม่สอด ได้ไปขอศึกษาวิชาคงกระพันชาตรี เพิ่มเติมกับ ?ครูบากัญชัย? หรือ พระครูศิริรัตนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดมาตานุสสรณ์ บ้านแม่กึ๊ดหลวง ฉายา เทพเจ้าลุ่มแม่น้ำเมย

     และในปีเดียวกันนี้ หลวงพ่อก็ได้ตัว ?นะ? สำคัญยิ่งมาหนึ่งตัว นะตัวนี้หลวงพ่อเคยนำมาสักให้กับลูกศิษย์คนหนึ่งปรากฏว่าเมื่อเด็กคนนี้โตขึ้นมา ถ่ายรูปทำบัตรประชาชนไม่ติด ต้องมาสักแก้จึงถ่ายรูปทำบัตรประชาชนได้ นะตัวดังกล่าวคือ ?นะลือชา?
 

   หลวงปู่กัมมัฏฐานแพง วัดสิงหาญ บ้านสะพือ อุบลราชธานี ศิษย์เอกเทพเจ้าภูเขาควายที่ลือลั่น ?สมเด็จลุน? หลวงพ่อได้ร่ำเรียนวิชา ฝังตะกรุดทองคำใต้ท้องแขน และฝังแก้วมณี 4 ดวง (แก้วมณี โชติ-แก้วไพฑูรย์-แก้วปัทมราช-แก้ววิเชียร) คาถาเหล่านี้เป็นคาถาสารพัดนึก ใช้ได้ อยู่ยงคงกระพันมหาอุด แคล้วคลาด เมตตามหานิยม แก้คุณไสยทุกประเภท 

  หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ นครสวรรค์ สุดยอดพระเกจิในอดีต ได้มอบยันต์และคาถากำกับโดยผ่านศิษย์เอกของท่านรูปหนึ่ง ซึ่งปักกลด อยู่ตรงรอยต่อของอำเภอท่าตะโก นครสวรรค์และเพชรบูรณ์ และหลวงพ่อมหาอาคมได้ไปพบเข้าพอดี นะของหลวงพ่อเดิมที่หลวงพ่อได้รับมา คือ ?นะ ซ้อนหัว? ซึ่งหลวงพ่อมหาอาคมได้นำลงในตะกรุดทุกดอกของท่านที่มีการจัดสร้าง

     หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู ลพบุรี คือ พระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่หลวงพ่อได้ไปขอศึกษาวิชาอาคมโดยถวายตัวเป็นศิษย์ ซึ่งหลวงพ่อพริ้ง ได้เมตตามอบคาถา ?ประสานกระดูก? ให้หลวงพ่อทำน้ำมันวิเศษ 108 รักษาประชาชนได้สารพัดโรค

     หลวงพ่อใช้ จังหวัดอุตรดิตถ์ ศิษย์เอกหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง ภูเก็ต ได้มอบตำราและคาถาการสร้างยันต์ตะกรุดโทน ?คู่ชีวิต? ให้เมื่อครั้งหลวงพ่อธุดงค์ผ่านจังหวัดอุตรดิตถ์

     และเมื่อต้นปี 2513 เมื่อหลวงพ่อข้ามเขารังไปยังอำเภอชนแดน เพื่อกราบนมัสการเยี่ยมหลวงพ่อทบ ที่วัดพระพุทธบาทชนแดน เพราะทราบข่าวว่ามีคนร้ายบุกขึ้นไปปล้นทรัพย์หลวงพ่อทบบนกุฏิและคนร้ายได้ยิงหลวงพ่อทบถึง 4 นัด แต่ลูกปืนไม่ออก หลวงพ่อได้กราบเรียนหลวงพ่อทบว่า ขณะที่คนร้ายยิงหลวงพ่อทบได้ใช้คาถาอะไร ปืนคนร้ายจึงยิงไม่ออก หลวงพ่อทบท่านมีความเมตตา และชอบพอนิสัยหลวงพ่อมหาอาคมอยู่ก่อนแล้ว จึงได้ท่องคาถาให้หลวงพ่อมหาอาคมฟัง 1 เที่ยว แล้วลองให้หลวงพ่อท่องให้ฟัง ปรากฏว่าหลวงพ่อมหาอาคมท่องได้ถูกหมดและแม่นยำ หลวงพ่อทบจึงได้บอกว่าเอาไปใช้ดูเป็นคาถาดับไฟดับปืนให้เป็นน้ำ ซึ่งก่อนหน้านี้หลวงพ่อมหาอาคมก็เคยได้คาถา ?เมตตาค้าขายดี? ของหลวงพ่อทบมาก่อนแล้ว โดยผ่านโยมผู้หญิงกลางคนหนึ่งที่เป็นศิษย์หลวงพ่อทบ ซึ่งโยมผู้นั้นมีอาชีพค้าขาย ต้องการค้าขายดี ร่ำรวย จึงได้พาลูกและครอบครัวไปกราบขอพึ่งบารมีหลวงพ่อทบ ซึ่งท่านได้เมตตาเขียนเป็นตัวหนังสือขอมลงในกระดาษแทนผ้ายันต์ เพื่อให้ไปบูชา เมื่อได้คาถามาแล้วโยมผู้นั้นอ่านไม่ออก ก็นำคาถาบทนั้นมาให้หลวงพ่อมหาอาคมอ่านและแปลให้ฟัง หลวงพ่ออ่านและแปลจนเข้าใจและท่องจำได้ขึ้นใจ เมื่อมีโอกาสพบหลวงพ่อทบจึงท่องให้ฟัง ซึ่งหลวงพ่อทบบอกว่าใช่ ความจำมหาดีมาก ฉันยกให้ลองเอาไปใช้ดูนะ

    แม้จะได้วิชาอาคมจากพระเกจิชื่อดังแห่งยุคหลาย ๆ รูป แต่ดูเหมือนจะไม่อิ่มในการใฝ่เรียนรู้ของหลวงพ่อมหาอาคมเพราะแม้แต่คฤหัสคนใดที่เก่งจริงรู้จริง หรือจะเป็นเทพเป็นร่างทรง ท่านเป็นขอศึกษาเล่าเรียนทันที เช่น ?หลวงปู่ทองคำ? ซึ่งอยู่ในร่างทรงของผู้ประพฤติดี ปฏิบัติดี ท่านหนึ่ง (หลวงปู่ทองคำ เป็นพระภิกษุที่มรณภาพกว่า 400 ปีแล้ว) หลวงพ่อมหาอาคมก็เคยฝากตัวเป็นศิษย์ และได้คาถาดี ๆ จากองค์ที่นับถือเป็นครูอาจารย์


หัวข้อ: Re: ปรากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร "
เริ่มหัวข้อโดย: บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน ที่ 15 มิถุนายน 2554, 11:26:43
12 ปี แห่งการแสวงหาและบำเพ็ญเพียรของหลวงพ่อมหาอาคม ได้ทำให้วัตถุมงคลของท่านมีพุทธาคมเข้มขลัง มีพลังแห่งอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์สูงส่ง และเป็นที่มาแห่งฉายา?อาคมขลัง เมืองมะขามหวาน?
และนับแต่ปี พ.ศ. 2520 หยุดการธุดงค์แล้ว 15 ปี หลวงพ่อก็เริ่มจำพรรษาที่วัดบ้านราหุล ต.โคกตะยอ อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ตามคำนิมนต์ ของบรรดาศิษย์และได้ค้นหาภูเขาเล็ก ๆ ที่เคยเดินธุดงค์มาพบ เพราะเหมาะแก่การสร้างวัด เมื่อค้นพบแล้วจึงชวนชาวบ้านและคณะศิษย์ย้ายจากวัดราหุล เริ่มก่อสร้างวัดขึ้นใหม่ ในทำเลนี้ ซึ่งก็คือ วัดดาวนิมิต ในปัจจุบันหลวงพ่อมหาอาคมถึงแก่มรณภาพด้วยโรคชราในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ นับเป็นการสูญเสียพระเถระผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบไปอีกรูปหนึ่ง สุดท้ายนี้จะได้นำเอาคำสั่งสอนของหลวงพ่อมาลงไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ดังนี:-

    "มนุษย์และสัตว์ในโลกนี้ เขาเหล่านั้นมาเกิด  เขาไม่รู้ว่าชาติความเกิดเป็นทุกข์ ชราความแก่เป็นทุกข์  พยาธิความป่วยไข้เป็นทุกข์ มรณะ ความตายก็เป็นทุกข์ เกิดมาแล้วโตขึ้นมาจึงเห็นความทุกข์ จากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ถ้าเขารู้คงไม่มาเกิดและไม่มีใครอยากเกิดด้วย เกิด แก่ เจ็บ ตาย สี่อย่างนี้มาพร้อมกันตั้งแต่เกิด  ถ้าไม่เกิด ก็ไม่แก่ ถ้าไม่แก่ก็ไม่เจ็บ ถ้าไม่เจ็บก็ไม่ตาย  เขาเรียกกันว่าธรรมชาติ เป็นธรรมดาของโลกต้องเป็นไปอย่างนั้น ขันธ์ทั้ง ๕ (ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ)  ไม่มีเจ้าของ ไม่มีผู้สร้าง ไม่มีผู้เสวย ไม่มีผู้ตั้งมั่น ไม่มีผู้ดำเนิน (ดังนั้นจึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ว่าเป็นตัวเรา และไม่ควรยึดมั่นสิ่งทั้งหลายว่าเป็นของเรา)"  
[/size]


หัวข้อ: Re: ปรากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร "
เริ่มหัวข้อโดย: บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน ที่ 15 มิถุนายน 2554, 11:43:36
ภาคปฏิปทาและปาฏิหาริย์หลวงพ่อมหาอาคม ตอนที่ 1


ภาคปาฏิหาริย์และปฏิปทา......หลวงพ่อมหาอาคม
      วัดดาวนิมิต  ต.ซับสมอทอด  อ.บึงสามพัน  จ.เพชรบูรณ์
ตอนที่ 1 โดย กริชภารตะ


        กราบแทบเท้าพระมหาอาคม วัดดาวนิมิต          ผมเป็นศิษย์ น้อมสักการะ ณ หนหลัง
ย้อนอดีต คณาจารย์ สืบสานไกล                         เพื่ออยากให้ ชนชาวไทย ได้รู้กัน
ว่ายังมี พระดี เช่นนี้อยู่                                    บรมครู  คู่ชีวิต ให้ศิษย์นั้น
มีของดี คุ้มชีวิต ศิษย์คับขัน                               ปืนก็พลัน ยิงไม่ออก สักกระบอกเลย
   เพราะของดี ของท่าน นั้นสามอย่าง                    ขออยากบอก เป็นแนวทาง อย่างชี้ฝัน
หนึ่งตระกรุด คู่ชีวิต คุ้มป้องกัน                            สองก็คือ รูปเหมือนปั๊ม จำให้ดี
และของดี ชิ้นที่สาม นามรุ่นหนึ่ง                          ให้นึกถึง  เหรียญรุ่นหนึ่ง ถึงครบฝัน
ของสามสิ่ง ถ้ามีได้ ก็สุขพลัน                             รอดปลอดพลัน อันตราย ร้ายเป็นดี

  
( แต่งเพื่อเทิดทูลพระอาจารย์ไว้เหนือเศียรเกล้า ประพันธ์โดย กริชภารตะ )

        รับปากกับเจ้าของเว๊บไว้ว่าจะเขียนเกี่ยวกับภาคปาฏิหาริย์ของวัตถุมงคลของหลวงพ่อมหาอาคม แห่งวัดดาวนิมิต ให้กับเว๊บชมรมศิษย์หลวงพ่อทบ เป็นที่เดียวนั้น หลายๆเรื่องที่จะเขียนนี้ บางเรื่องก็เป็นประสบการณ์โดยตรง  บางเรื่องก็ได้รับจากคำบอกเล่าจากลูกศิษย์ของหลวงพ่อที่มาเล่าให้หลวงพ่ออาคมฟัง แล้วผมก็ได้ยินและรับรู้ ซึ่งผมอยากให้ทุกท่านที่ได้อ่าน ใช้สติปัญญาในการเชื่อและการพิจารณาว่า มันเป็นไปได้หรือไม่ หรือเขียนขึ้นเพื่อโปรโมทครูบาอาจารย์ของตนเอง จริงๆแล้วพระเก่งระดับหลวงพ่อมหาอาคมนั้น น่าจะดังระดับประเทศไปตั้งนานแล้ว ความเก่งของท่านนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าพระคณาจารย์ท่านใดในยุคที่ท่านยังดำรงค์ขันธ์อยู่เลย คงเป็นเพราะขาดการเผยแพร่เกียรติคุณให้โลกได้รับรู้ หรือแม้จะมีคนนำเอาไปเขียนลงในหนังสือพระบ้าง แต่ก็เขียนไปในแนวทางเรียบๆเหมือนท่านเป็นพระธรรมดา เป็นหลวงตาแก่ๆองค์หนึ่งที่นอนเฝ้าวัดอยู่เฉยๆ แต่ถ้าใครได้มีโอกาสได้มาสัมผัสหรือได้มานั่งสนทนาธรรมกับท่านแล้ว ผมว่าความคิดของท่านนั้นอาจจะเปลี่ยนไป จากพระผู้เฒ่าธรรมดาองค์หนึ่ง อาจจะกลายเป็นสุดยอดพระอภิญญาแห่งยุค เจ้าของฉายาเหรียญปืนแตกสะท้านปฐพีก็เป็นได้ครับ  หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินชื่อเสียงของหลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิต เกี่ยวกับความขลังในตระกรุดคู่ชีวิตเพียงเท่านั้น แต่ท่านรู้ไหมว่าหลวงพ่อมหาอาคมของเรานั้น ท่านทำตระกรุดได้แทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นด้านเมตตายันมหาอุดหยุดปืนท่านทำได้หมด แต่คนมักจะรู้แต่เพียงว่าท่านเก่งในเรื่องของตระกรุดคู่ชีวิตเพียงเท่านั้น เลยมุ่งเป้าเพียงแค่ตระกรุดคู่ชีวิตเพียงอย่างเดียว ผมอยากบอกทุกท่านไว้อย่างหนึ่งว่าของทุกชิ้นที่ท่านเสกนั้น ขลังทุกชิ้นดีทุกอย่างเพราะท่านจะตั้งใจทำของของท่านมาก ของบางอย่างก็ทำเป็นการเฉพาะและแจกศิษย์ใกล้ชิดจริงๆ บางชิ้นเสกเป็นสิบๆปีเลยก็ว่าได้ เรียกว่าแจกไปเรื่อยๆชิ้นไหนยังไม่ได้แจกท่านก็เสกไปเรื่อยๆ ของบางอย่างก็จ้างโรงงานทำ เช่น เหรียญ, รูปเหมือนปั๊ม,แผ่นปั๊ม เป็นต้น   ซึ่งถ้าใครได้เคยครอบครองวัตถุบางประเภทของท่าน ขอให้สังเกตให้ดีๆ ของส่วนใหญ่ที่เป็นประเภทโลหะ เช่น เหรียญหรือรูปเหมือนปั๊ม มักจะมีรอยจารกำกับแต่ก็ไม่เสมอไปทุกเหรียญนะครับ  ส่วนใหญ่รอยจารของท่านมักจะเป็นอักขระขอมลาวครับ แต่เป็นแบบอื่นก็มีนะครับ ไม่ใช่ไม่มี

      หลายๆครั้งมีคนมักถามผมเสมอว่า ในบรรดาวัตถุมงคลของหลวงพ่อมหาอาคมนั้นของสิ่งไหนที่น่าเก็บที่สุด  โดยส่วนตัวผมแล้วผมมักจะบอกใครต่อใครเสมอว่าของทุกอย่างที่หลวงพ่อทำและปลุกเสกไว้นั้นดีหมด  แต่ถ้าจะให้เจาะจงไปเลยนั้นในทัศนะของผม  ผมว่าอันดับหนึ่งต้องเป็นตระกรุดคู่ชีวิตครับ แต่ค่อนข้างจะหายากและที่สำคัญถ้าคนไม่เคยเห็นหรือมีความรู้ในเรื่องตระกรุดของหลวงพ่อมาก่อน อาจจะโดนยัดวัดให้เป็นของหลวงพ่อมหาอาคมก็เป็นได้ครับ แต่ถ้าเป็นของแท้แล้วละก็ ถือว่าเป็นวัตถุมงคลชิ้นเอกเลยก็ว่าได้ที่ท่านทำฝากไว้คู่กับแผ่นดิน ส่วนอันดับสอง ต้องเป็นเหรียญรุ่นแรกของท่านนะครับ  ท่านสร้างไว้ตั้งแต่ปี  2520 ครับ เป็นเนื้อทองแดงกระไหล่เงิน มีทั้งตอกโค๊ตและไม่ตอกโค๊ต สาเหตุของเหรียญที่มีทั้งตอกโค๊ตและไม่ตอกโค๊ตนั้น คือแต่ก่อนหลวงพ่อทยอยแจกเหรียญรุ่นแรกของท่านไปเรื่อยๆครับ พอตอนหลังมีการสร้างเหรียญรุ่นอื่นมาแล้วก็ทำโค๊ตขึ้นมาเพื่อจะตอกเหรียญรุ่นอื่นของท่าน ท่านเลยนำโค๊ตมาตอกไว้ในเหรียญรุ่นแรกเลยครับ ฉะนั้นถ้าใครเคยได้เหรียญรุ่นแรกจากมือหลวงพ่อในช่วงปี 2531-2535 ละก็ เหรียญที่ได้จะไม่มีตอกโค๊ต ส่วนหลังจากนั้นมีบางเหรียญนำมาตอกโค๊ตครับ และมีคนถามว่ามีเนื้อทองแดงกระไหล่เงินเพียงอย่างเดียวหรือครับ เคยเห็นมีเนื้อตะกั่วด้วยครับเป็นเหรียญลองพิมพ์  พอตอนหลังรู้สึกว่าจะมีการเสริมขึ้นมาครับสำหรับเนื้อตะกั่วเมื่อปี 2536   ฉะนั้นผมเน้นให้เลือกเช่าหาเฉพาะเนื้อทองแดงกระไหล่เงินครับแน่นอนที่สุดครับ ส่วนอับดับที่สามคือ รูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก  ออกปี 2531 ครับ รูปเหมือนปั๊มรุ่นนี้มีทั้งแบบตอกโค๊ตและไม่ตอกโค๊ต มีทั้งแบบใต้ฐานอุดตะกั่วและแบบบรรจุกริ่งครับสร้างพร้อมกัน ผมยังรู้จักคนสร้างเลยครับ ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่าหลวงพ่ออาคมของเรานี้นั้น  ท่านชอบทำพระแบบเงียบๆและไม่ค่อยเหมือนใคร อุปนิสัยท่านคล้ายๆหลวงพ่อกวยวัดโฆษิตารามเลยครับ คือไม่ค่อยอยากเปิดเผยตนเองมากนักชอบอยู่อย่างสงบ ไม่ค่อยคุยโม้โอ้อวดใดๆบางครั้งก็แฝงไปด้วยใจนักเลงคือใครจะมาดูถูกท่านไม่ได้เลย ท่านจะไม่ค่อยชอบพวกชอบลองของ พวกมาดูลาดเลาหรือมาดูสิว่าท่านเก่งจริงหรือเปล่า ซึ่งท่านมักบอกเสมอมาว่า  ถือเป็นการดูถูกท่าน ดูถูกครูบาอาจารย์ท่าน วัตถุมงคลทุกชิ้นที่ข้าเสกไว้ดีหมด อย่านำไปลองเลย ถ้าไม่ถึงคราวตายก็ช่วยชีวิตเอ็งได้ก็แล้วกัน ส่วนอื่นๆที่อยากจะแนะนำเช่น พระกริ่ง , เหรียญคู่ชีวิต . เหรียญปืนแตก, เหรียญเจ้าสัว ก็สุดแล้วแต่ท่านจะชอบครับ แต่ผมรับประกันได้เลยครับว่าของทุกชิ้นที่ท่านปลุกเสกไว้นั้น เข้มขลังสุดบรรยายจริงๆครับ เป็นสุดยอดมหาอุดหยุดปืนจริงๆครับ มีหลายต่อหลายคนเขาโดนกันมาเยอะครับ และท่านรู้กันบ้างไหมว่าของดีอีกอย่างที่ท่านมักจะให้เฉพาะคนที่รู้คุณค่าและศรัทธาท่านจริงๆ นั้นคือ การสักน้ำมันงา นะฤาชา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิชาที่ท่านโด่งดัง แม้แต่ตัวผมเองยังเคยสักน้ำมันงา นะฤาชาบนกลางกระหม่อมมาแล้วเลยครับ นอกจากนี้น้ำมันงาของท่านนั้นยังสามารถนำมาสักใช้ในการรักษาโรคตลอดจนขับไล่คุณไสยและมนต์ดำต่างๆได้ดีเป็นอย่างยิ่งครับ  เอาละครับตอนนี้มาถึงประสบการณ์ในวัตถุมงคลของท่านกันละครับ ซึ่งผมคิดว่าหลายๆท่านคงจะเฝ้ารอกันอยู่ครับ ทุกประสบการณ์ที่ถ่ายทอดให้ท่านได้อ่านนี้ล้วนมาจากเรื่องจริงๆทั้งนั้นนะครับ อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่ผมเล่า และอย่าเพิ่งคล้อยตามในคำรจนาที่ผมเขียน แต่สิ่งหนึ่งที่ผมกล้าบอกกับทุกท่านได้เต็มปากเลยก็ว่าได้ครับ ว่าท่านเก่งจริงไม่ได้เก่งเชียร์เหมือนกับพระเกจิอาจารย์ในยุคปัจจุบันนี้ครับ

ผ้ายันต์สุดเข้มขลัง

ในช่วงปี 2537 ถ้าจำไม่ผิดนะครับ ท่านทำผ้ายันต์ขึ้นมาชุดหนึ่งเสกในพิธีเสาร์ห้าครับ รู้สึกว่าผ้ายันต์ชุดนี้มีทั้ง สีขาว สีเหลือง หรืออาจจะมีมากสีกว่านี้ แต่โดยส่วนตัวผมเคยได้รับจากมือของท่านเป็นแบบสีขาวกับสีเหลืองครับ เป็นยันต์อิติปิโสครับ ผ้ายันต์รุ่นนี้ดีเด่นทางด้านคุ้มครองและกันภูตผีปีศาจสูงมากครับ ขอเล่าสักหนึ่งประสบการณ์ที่เขาเคยพบกันมาครับ คือมีนายตำรวจท่านหนึ่ง(ไม่ขอเอ่ยนาม)เพราะไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนำมาเล่า ได้รับผ้ายันต์จากหลวงพ่อมหาอาคมเมื่อปลายปี 2537 มาจำนวนหนึ่ง ก็นำมาแจกลูกน้องที่สถานีตำรวจจนเหลือแค่หนึ่งผืน จึงนำไปปิดไว้ที่หน้าบ้านเหนือปากประตู เพราะจำคำหลวงพ่ออาคมได้ดีว่าให้ติดไว้หน้าบ้านเหนือปากประตู จะสามารถกันสิ่งเล้นลับและอาถรรพย์ต่างๆได้ดี ด้วยเห็นว่าไปรับมากับมือและหลวงพ่อสั่งให้ปิดก็เลยปิดผ้ายันต์ไปงั้นๆ แต่แล้วมีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เขาเกิดความเชื่อมั่นว่าผ้ายันต์ของหลวงพ่อมหาอาคมผืนที่ติดหน้าบ้านนั้นวิเศษจริงๆ คือภรรยาของนายตำรวจท่านนี้ได้ไปหาร่างทรงเจ้าพ่อกวนอู ที่ตำบลบ่อพลับ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม เกี่ยวกับการโยกย้ายของสามีว่าจะได้โยกย้ายไปที่ไหนและดีหรือไม่อย่างไร จนก่อนจะกลับได้ถามเกี่ยวกับสิ่งต่างๆภายในบ้านที่พักอยู่ว่าดีหรือไม่ หรือมีอะไรที่ไม่ดีแอบแฝงอยู่หรือเปล่า เมื่อสิ้นคำถามเสร็จร่างทรงเจ้าพ่อกวนอูก็นั่งหลับตา สักพักหนึ่งก็ลืมตาขึ้นพร้อมบอกกับภรรยาของนายตำรวจท่านนี้ว่า พอกูเขาไปในอณาเขตของบ้านมึงกูก็เขาไปพูดคุยกับพระภูมิที่ปกป้องบ้านมึง ซึ่งเขาก็อนุญาตให้เขาไปในบ้านมึงได้ แต่พอกูจะผ่านปากประตูบ้านมึงเท่านั้นแหละกูต้องผงะออกมา เหมือนมีแรงอะไรก็ไม่รู้มาปะทะร่างของกูไว้ พอกูจะอ้อมไปทางด้านหลังบ้าน กูก็เข้าไม่ได้อีกเหมือนเช่นเคยเหมือนมีแรงอะไรมาปะทะร่างกูไว้ กูจึงกำหนดจิตดูว่าเป็นเพราะอะไรพอกำหนดจิตปุ๊บกูก็เห็นผ้ายันต์ที่ติดปากประตูพร้อมยันต์อิติปิโสลอยเด่นชัดออกมา  เท่านั้นละกูรู้ทันทีว่าบ้านนี้มีของดี กูเลยไม่กล้าที่จะเข้าไปดูอีกเพราะคิดว่าขนาดกูยังเข้าไปไม่ได้เลยแล้วแค่ผีหรือสัมภเวสีมันจะเข้าไปได้หรือ.......

      หลังจากภรรยานายตำรวจท่านนี้กลับมาถึงบ้านและนำเรื่องนี้ไปเล่าให้นายตำรวจท่านนี้ฟัง นายตำรวจท่านนี้จึงกลับไปที่วัดไปเอาผ้ายันต์จากมือหลวงพ่อมาอีกหลายผืน เพื่อนำมาแจกญาติๆและคนที่ชอบพอกัน สำหรับเรื่องนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ และบางคนนำผ้ายันต์รุ่นนี้ไปติดที่หน้ารถยนต์แล้วรถยนต์ไปเกิดอุบัติเหตุขึ้น แปลกแต่จริง แม้รถยนต์คันนี้จะประสานงากับรถบรรทุกที่ขนาดใหญ่กว่ารถกระบะของเขาเป็นเท่า แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนในรถบาดเจ็บแต่ประการใดสักคน แม้สภาพรถกระบะคันนี้ใครมาเห็นก็ร้องทันทีว่า ตายกันหมดทั้งคันรถแน่นอน เป็นไงครับกับเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งในประสบการณ์ของผ้ายันต์รุ่นนี้ และผมก็ไม่รู้ว่าที่วัดดาวนิมิตนั้นจะมีของตกค้างเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า ถ้าใครอยู่ใกล้ๆวัดช่วยแจ้งข่าวมาให้ทราบทีครับ

เหรียญรุ่นแรกสุดยอดมหาอุดหยุดปืน

เหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อมหาอาคมแห่งวัดดาวนิมิตนั้นสร้างเมื่อปี 2520 เท่าที่เห็นจะเป็นเนื้อทองแดงกระไหล่เงินครับ มีทั้งแบบตอกโค๊ตกับไม่ตอกโค๊ต และมีเนื้อตะกั่วด้วยครับ อย่างอื่นไม่ขอเขียนอธิบายอีกเพราะได้กล่าวนำไปแล้วในข้างต้น เรามาเข้าเรื่องเกี่ยวกับมหาอุดหยุดปืนกันเลยจะดีกว่าครับ เผอิญ    ครอบครัวผมได้มีโอกาสเข้าไปกราบหลวงพ่อมหาอาคมเมื่อประมาณปี 2530 ครับ โดยการร่วมขบวนไปทอดผ้าป่ากับเฮียตรีเวสศิษย์คนสำคัญคนหนึ่งของหลวงพ่อ ซึ่งการไปทอดผ้าป่าในครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสพบกับหลวงพ่ออาคม  ซึ่งในงานครั้งนั้นท่านได้เมตตาแจกตระกรุดยุคแรกของท่านให้กับประธานผ้าป่าคนละหนึ่งดอก ส่วนกรรมการจะได้ตระกรุดคู่ชีวิตขนาด 2 นิ้วแบบทาสีธงชาติใส่สายยางกันครับ และมีการแจกเหรียญรุ่นแรกของท่านด้วย  ซึ่งต่อมาคนที่ได้เหรียญนี้จากมือท่านไปก็ได้นำไปเลี่ยมห้อยคอกันบ้างเป็นบางคน ซึ่งในการร่วมขบวนไปทอดผ้าป่าในครั้งนั้นก็มีบางคนที่เป็นตำรวจ สน........ร่วมขบวนไปด้วย  และก็มีตำรวจอยู่ท่านหนึ่งได้นำเหรียญรุ่นแรกที่ได้รับไปเลี่ยมพลาสติกคล้องคอเพราะเขาศรัทธาในตัวหลวงพ่ออย่างมาก  เวลาจะออกตรวจลงพื้นที่ทีก็จะบอกกล่าวเหรียญในคอให้ช่วยคุ้มครองด้วย เขาก็กระทำเช่นนี้ตลอดมาโดยที่เหรียญหลวงพ่อมหาอาคมไม่เคยห่างจากกาย  จนมีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เขาต้องจำไปตลอดชีวิต เกี่ยวกับความทรงจำอันมีค่ายิ่ง นั้นคือการไล่กวดจับคนวิ่งราวกระเป๋าสะพายของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เขามิอาจจะลืมเลือน  แชะ! แชะ!  แชะ! แชะ! แชะ! แชะ! หกนัดไม่มีแม้สักนัดที่ออกจากปากกระบอกของโจรวิ่งราวที่ยิงเบิกทางในการหนีเพื่อไม่ให้ตำรวจเข้ามา มันเหมือนปาฏิหาริย์หรือนิทานหลอกเด็กที่ผู้ใหญ่เล่าให้เด็กฟัง ถ้าตำรวจคนนั้นไม่ใช่.........คนที่ผมนับถือ  

เหรียญรุ่นแรกกับฉายาปืนแตกสะท้านปฐพี

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์เกี่ยวกับเหรียญรุ่นแรกที่เขาประสบกันมา  คือมีชายผู้หนึ่งได้นำเหรียญรุ่นแรกไปทดสอบความขลังด้วยปืนลูกโม่ .38 ซึ่งเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นและสร้างชื่อให้กับหลวงพ่อมหาอาคมอย่างยิ่ง แค่ยิงนั้นแรกปากกระบอกของปืนเกิดระเบิดแตกขึ้นมาซะงั้นๆ ทำให้คนที่ยิงนิ้วมือเกิดบาดแผลฉกรรณ์ต้องรีบนำคนยิงปืนไปพบแพทย์ หลังจากนั้นหรือครับ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ตลอดจนชายดังกล่าวฯได้แห่กันไปที่วัดดาวนิมิตเพื่อขอเหรียญรุ่นนี้กันเป็นแถว จนเหรียญรุ่นแรกๆที่เคยพอมีเหลืออยู่ก็ทยอยน้อยลง ท่านจึงดำริสร้างเหรียญรุ่นปืนแตกขึ้นมา และเขียนในเหรียญอย่างชัดเจนว่าปืนแตก เพื่อเอาไว้แจกทหารตำรวจและคนที่นับถือท่านได้ติดตัวไว้และทดแทนเหรียญรุ่นแรกที่กำลังจะหมดไป หลวงพ่อมักบอกเสมอมาว่าของทุกอย่างที่ข้าเสกไว้ ถ้าไม่ถึงคราวตายไม่ผิดลูกเมียเขา รับรับรองว่าแมลงวันไม่ได้กินเลือด  และผมก็คิดว่าหลายๆท่าน ณ ที่นี้คงเคยเห็นเหรียญรุ่นแรกของท่านตลอดจนเหรียญปืนแตกกันมาบ้างก็เป็นได้ และอย่ามัวรอช้ารีบกลับไปนิมนต์มาเป็นเจ้าของกันซะ ก่อนที่จะกลายเป็นของดีราคาแพงไป

วัดนี้ให้ชื่อว่า  ดาวนิมิต

เมื่อประมาณ ต้นปี 2538 ผมกลับไปกราบหลวงพ่อมหาอาคม ที่วัดดาวนิมิตอีกครั้งเพื่อขอรับการสัก นะฤาชา ด้วยน้ำมันงา  มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมได้กราบเรียนถามหลวงพ่อมหาอาคมว่า หลวงพ่อครับ ทำไมวัดนี้ชื่อว่า ดาวนิมิตละครับ ซึ่งหลวงพ่อก็ให้คำอธิบายว่า สาเหตุที่วัดชื่อว่าดาวนิมิตเพราะ ช่วงที่ท่านธุดงค์มาปักกลดเพื่อบำเพ็ญภาวนาอยู่ ณ ที่แห่งนี้ มีอยู่คืนวันหนึ่งขณะที่กำลังเจริญสมาธิอยู่นั้น ในนิมิตก็เห็นหญิงสาวผู้หนึ่ง หน้าตาสะสวยผิวพรรณผ่องใสผิดกับคนทั่วไปได้เดินเข้ามาอยู่หน้ากลดและก้มลงกราบ พร้อมกับบอกหลวงพ่อว่า ดิฉันชื่อดาวคะพระคุณเจ้า เป็นเทพธิดาดูแลรักษาอาณาบริเวณอยู่แถวนี้เจ้าคะ อยากจะนิมนต์หลวงพ่อให้อยู่ ณ ที่แห่งนี้เพื่อสร้างวัดเจ้าคะ เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มาแต่ครั้งโบราณกาล ซึ่งหลวงพ่ออาคมก็บอกว่าเราเป็นพระธรรมดาเอง จะเอาเงินที่ไหนมาสร้างวัดเล่าโยม หญิงที่ชื่อดาวก็บอกว่าเดี๋ยวจะมีคนในอดีตชาติที่เคยเป็นลูกศิษย์ท่านได้กลับชาติมาเกิด เดี๋ยวพวกเขาเหล่านั้นก็จะมาช่วยท่านสร้างโบสถ์ สร้างวัดกันเองเจ้าค่ะ ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่ผู้หญิงชื่อดาวบอกทุกประการ  หลวงพ่อเลยตั้งชื่อนามวัดนี้ว่า  ดาวนิมิต  ตราบมาจนทุกวันนี้


หัวข้อ: Re: ปรากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร "
เริ่มหัวข้อโดย: บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน ที่ 15 มิถุนายน 2554, 11:57:36
ภาคปฏิปทาและปาฎิหาริย์หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิต
ตำบลซับสมอทอด อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์
เจ้าของตะกรุดโทนคู่ชีวิตมหาอุดหยุดปืน และเหรียญรุ่นแรกปีนแตกสะท้านปฐพี ตอนที่2

กลับมาอีกครั้งกับประสบการณ์เกี่ยวกับภาคประสบการณ์และปฏิปทาของหลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิต ซึ่งเป็นตอนที่ 2 แล้วนะครับที่ผมเขียนให้กับเว๊บชมรมศิษย์หลวงพ่อทบ สำหรับประสบการณ์ต่างๆที่ได้ถ่ายทอดลงในเว๊บนี้ส่วนหนึ่งต้องขอขอบคุณ คุณบุญเลิศ สุนทรวิทย์ , คุณอำพร อ่ำไร่ขิง , และอีกหลายๆท่านที่มิได้เอ่ยนาม ต้องขอขอบคุณกับขอมูลที่ให้มานะครับ ในการเผยแพร่ประสบการณ์และข้อมูลดีๆหลายเรื่องที่บางครั้งแม้แต่พระที่วัดดาวนิมิตเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำไป


เขาหาว่าหลวงพ่อหยิ่ง


พออ่านหัวข้อนี้แล้วรู้สึกไม่สบายใจเลยครับแต่ก็ขอให้ทุกท่านอ่านให้จบก่อนแล้วทุกท่านจะเข้าใจครับ คือหลวงพ่อมหาอาคมของเรานั้นมีนิสัยที่เด็ดเดี่ยวและไม่ค่อยชอบขอความช่วยเหลือหรือบอกบุญกับใครในการสร้างโบสถ์หรือศาสนสถานภายในวัดท่าน จะเห็นได้ว่าคนแถวๆตำบลซับสมอทอดหรือคนในอำเภอบึงสามพันก็ตามที บางคนยังไม่ค่อยรู้จักท่านเลยครับ จะมีก็แต่ศิษย์ยุคแรกๆที่เป็นชาวไร่แถวๆวัดเท่านั้นที่ศรัทธาท่านด้วยความบริสุทธิ์ใจ และคนส่วนใหญ่ที่มาทำบุญกับท่านนั้นมักจะเป็นคนต่างถิ่น ต่างจังหวัด หรือไม่ก็ต่างประเทศกันไปเลยครับเช่น ฮองกง สิงคโปร์ ไต้หวัน หรือแม้กระทั่งคนธิเบต ซึ่งสาเหตุที่คนเหล่านี้ดั้นด้นมาทำบุญกับหลวงพ่อก็คงเป็นเพราะปากต่อปากที่เคยมาทำบุญกับท่านแล้วเกิดความประทับใจ และที่สำคัญเวลาพวกเขามาทำบุญกับหลวงพ่อ หลวงพ่อมักจะแจกของดีให้ติดมือกับไปด้วยเสมอ เมื่อเขากลับไปพร้อมกับวัตถุมงคลอันทรงคุณค่า พวกเขาก็ได้ประสบกับปาฏิหาริย์ในวัตถุมงคลของหลวงพ่อที่ให้ไป ปากต่อปากก็บอกต่อกันไป จนทำให้เขากลับมาที่วัดอีกครั้งพร้อมกับญาติมิตรที่สนิทกันเพื่อชวนกันมาทำบุญกับหลวงพ่อและมาเอาของดีจากท่าน โดยเฉพาะตระกรุดคู่ชีวิตและเหรียญรุ่นแรกอันโด่งดัง แต่ก็แปลกไหมครับที่คนในซับสมอทอดไม่ค่อยจะมีวัตถุมงคลของท่าน เพราะอะไรทราบไหมครับ เพราะคนแถวซับสมอทอดมักชอบลองของกับท่าน สมัยแรกๆท่านก็แจกตระกรุดและเหรียญรุ่นแรกกับคนแถวนั้นละครับ คนที่ได้ไปมีทั้งศรัทธาท่านและไม่ค่อยจะศรัทธาท่าน บางคนชอบเอาวัตถุมงคลของท่านไปลองโดยเฉพาะกับตระกรุดคู่ชีวิต เห็นลองกันบ่อยจังขนาดปากกระบอกปืนแตกก็ยังเคยมี จนเรื่องการลองความขลังในวัตถุมงคลของท่าน จนวันหนึ่งไปเขาหูของท่านเข้า ท่านเลยบอกว่าคนแถวนี้มันดูถูกกู ดูถูกครูบาอาจารย์กู ตั้งแต่นั้นมาท่านมักจะไม่ค่อยจะแจกวัตถุมงคลให้กับคนในพื้นที่มากนักนอกจากศิษย์ยุคแรกๆที่เป็นชาวไร่ที่ศรัทธาท่านมากถึงพอจะมีบ้าง พอท่านไม่ค่อยจะแจกวัตถุมงคลให้กับพวกชอบลอง (แต่พวกที่ศรัทธาท่านจริงๆที่อยู่ในตำบลซับสมอทอดและในตัวอำเภอบึงสามพันท่านก็ยังแจกให้อยู่นะครับ)เลยกลายเป็นว่าหลวงพ่ออาคมเป็นพระที่หยิ่ง ต้อนรับแต่คนไกลๆๆคนรวยๆ ก็ดันไปลองของกับท่านนิว่าท่านจะเก่งแค่ไหน แต่ท่านก็ไม่ได้ว่ากระไรนะครับแค่เพียงอยากมอบตระกรุดหรือวัตถุมงคลให้กับคนที่ศรัทธาและนับถือท่านจริงๆเท่านั้นเอง ไม่ได้หยิ่งอย่างที่ใครต่อใครคิดกันเลยหรือต้อนรับเฉพาะคนรวยๆ หรือท่านเองต่างหากที่ละอายใจจนไม่กล้าสู้หน้าท่าน หรือท่านว่าไงครับ

แค่ครั้งเดียวก็เกินพอ

คนโบราณมักบอกย้ำเสมอมาว่า การจะทดสอบความขลังของวัตถุมงคลหรือลองความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลนั้น ก่อนที่จะลองให้อาราธณาหรือจุดธูปบอกครูบาอาจารย์เจ้าของวัตถุมงคลนั้นว่าจะลองอย่างไร เช่นถ้าจะลองด้วยปืนจะยิงสักกี่นัดพอ หรือจะกระทำอย่างอื่นก็ตามทีแต่ แค่ครั้งเดียวก็เกินพอ มีเรื่องอยู่เรื่องหนึ่งที่จะขอเล่าถึงการลองความขลังของวัตถุมงคลของหลวงพ่อมหาอาคมวัดดาวนิมิต โดยวัตถุที่นำมาทดสอบความขลังนั้นคือตระกรุดคู่ชีวิตยุคแรก นายบุญเลิศ สุนทรวิทย์ (บู่) เป็นศิษย์ยุคแรกๆของหลวงพ่อ ได้รับตระกรุดคู่ชีวิตยุคแรกเมื่อปี 2531 โดยหลวงพ่อมอบให้มาจำนวน 2 ดอก หลังจากได้ตระกรุดคู่ชีวิตมาก็อยากจะทดสอบความขลังของหลวงพ่อสิว่าจะแน่สักแค่ไหน เพราะเห็นเขาว่าหลวงพ่ออาคมเป็นศิษย์ของหลวงพ่อทบแห่งวัดชนแดน ฉะนั้นตระกรุดคงมีพุทธคุณเช่นเดียวกับตระกรุดของหลวงพ่อทบผู้เป็นอาจารย์ ซึ่งในการลองตระกรุดครั้งนี้มีคนร่วมอยู่ในวงแห่งการทดสอบความขลังทั้งสิ้น จำนวน 3 คน คือ 1.นายบุญเลิศ(บู่)เจ้าของตระกรุด 2.นายหนู ไม่ทราบชื่อจริง 3.ดาบไพศาล(เป็นตำรวจ) ซึ่งปืนที่ใช้ทดสอบความขลังเป็นปืนประจำกายของดาบไพศาล รีวอลโว่ขนาด จุดสามแปด พร้อมลูกแกะกล่องใหม่ๆจำนวน 6 นัด เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วไม่ว่าจะเป็นปืน ลูกปืน และคนยิงคือดาบไพศาลข้าราชการตำรวจไทย นายบุญเลิศ(บู่)จึงจุดธูประลึกถึงพระรัตนตรัยมีหลวงพ่อทบแห่งวัดชนแดนและหลวงพ่อมหาอาคมวัดดาวนิมิตเป็นที่ตั้ง อธิษฐานว่าจะยิงแค่สามนัดแล้วจะหยุดทันที ถ้าศักดิ์สิทธิ์จริงสามนัดแรก ขออย่าให้ยิงออกเลย เมื่ออธิษฐานเสร็จก็นำตระกรุดไปแขวนไว้ที่ต้นมะพร้าว พร้อมกับส่งสัญญาณให้ดาบไพศาลทราบ เมื่อทุกอย่างพร้อมดาบไพศาลเดินเข้าไปเอาปืนประจำกายจ่อติดกับตระกรุดคู่ชีวิตพร้อมกับสับไกทันที นัดแรก แชะ ดาบไพศาลหันมามองเจ้าของตระกรุด นัดที่สอง แชะ มือดาบไพศาลเริ่มสั่น แชะ นัดสุดท้ายยังคงเหมือนเดิม นายบุญเลิศรีบวิ่งมาเอาตระกรุดทันที แล้วหันมาพูดกับดาบไพศาลว่า ไงวะไพศาลเห็นไหมสามนัดไม่ออกสักนัด ไหนเอ็งลองสับไกอีกสามนัดที่เหลือสิวะ(นายบุญเลิศเอ่ย) เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เสียงปืนกึกก้องไปทั่วท้องสวนมะพร้าว สุดยอดว่ะกูไม่เคยเห็นอาจารย์ไหนจะแน่ขนาดนี้เลยวะ สามนัดปืนยิงไม่ออกเลยวะไหนเอ็งเอาลูกปืนออกมาให้ดูหน่อยสิว่ามีรอยเข็มฉนวนแทงหรือเปล่า(นายบุญเลิศเอ่ย) ทุกคนมองไปที่จุดหมายเดียวกันคือลูกปืนที่เอาออกมาจากลูกโม่ มีว่ะมีรอยแทงทั้งสามนัดวะ หรือว่าฟลุ๊ค งั้นลองอีกครั้งได้ไหมวะพวก (ดาบไพศาลเอ่ย) จะดีหรือวะ คนโบราณเขาบอกว่าลองแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้วนะ(นายบุญเลิศเอ่ย) แต่กูไม่เชื่อวะ(ดาบไพศาลกล่าว) มาเอามา ดาบไพศาลดึงตระกรุดจากมือนายบุญเลิศไปพร้อมทั้งไปแขวนไว้ที่ต้นมะพร้าวตามเดิม ไม่พูดพร่ำทำเพลงนำลูกปืนทั้งสามนัดเข้าใส่ไปในลูกโม่เสร็จก็เอาปากกระบอกปืนจ่อประชิดตระกรุดพร้อมสับไกทันที เปรี้ยง เสียงปืนดังสนั่นทั่วกึกก้อง พอสิ้นเสียงปืนก็มีเสียงหนึ่งร้องขึ้นมา โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย มือกูเลือดไหลเต็มไปหมด ทุกคนหันไปมองที่ตระกรุดที่แขวนกับต้นมะพร้าวทันที่ ปรากฏว่าตระกรุดก็ยังคงแขวนอยู่ที่เดิมเหมือนไม่มีอะไรเกินขึ้น จะมีก็แต่เลือดที่ไหลอาบมือของดาบไพศาลพร้อมกับปากกระบอกปืนที่แตก จนใช้การไม่ได้ของดาบไพศาลเท่านั้น เห็นไหมละกูบอกแล้วว่าครั้งเดียวก็เกินพอ นายบุญเลิศกล่าวอย่างเย้ยหยันที่ไม่เชื่อคำพูดของตนเอง แล้วท่านละมีตระกรุดคู่ชีวิตของหลวงพ่อมหาอาคมวัดดาวนิมิตแล้วหรือยัง.........

ถึงเวลาแล้วเค้าจะมาเอาเอง

หลวงพ่อมหาอาคมมักสอนเสมอมาว่า ถ้าใครผู้ใดไม่เคยทำบุญร่วมกันมา ไม่เคยเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กับท่านมา แม้วัตถุมงคลของข้าวางอยู่ตรงหน้ามัน มันก็ยังไม่สนใจเลย แต่ถ้าใครเคยเป็นศิษย์กูมาแต่อดีตชาติ ถึงเวลาแล้วเจ้าของที่แท้จริงเขาจะมาเอาของเขาเอง แม้วันนี้ของชิ้นนี้อาจจะตกอยู่กับผู้อื่นก็ตามที แต่เมื่อเวลามาประจบเหมาะสักวันเจ้าของที่แท้จริงเขาจะมาเอาของเขาเอง โดยเฉพาะกับตระกรุดคู่ชีวิตและเหรียญคู่ชีวิตที่ทุกชิ้นจะมีเจ้าของที่แท้จริง

ท่ออลูมิเนียมกับตระกรุดคู่ชีวิต

มีใครเคยสังเกตไหมครับว่าตระกรุดคู่ชีวิตของหลวงพ่อมหาอาคมนั้น ส่วนใหญ่ไส้แกนกลางจะเป็นท่ออลูมิเนียมเป็นแกนกลางแล้วพันทับด้วยโลหะ เช่นแผ่นทองแดง แผ่นทองเหลือ หรือแผ่นตะกั่ว แต่ตระกรุดส่วนใหญ่ ขอย้ำนะครับว่าส่วนใหญ่จะเป็นตระกรุดยุคกลางและยุคท้ายๆนะครับ แต่ถ้าเป็นยุคแรกๆจริงๆจะเป็นทองแดงล้วนๆ หรือไม่ก็ฝาบาตรล้วนๆครับหรือเป็นแบบสามกษัตริย์ไปเลยครับ ซึ่งตระกรุดคู่ชีวิตยุคแรกๆจริงๆนั้นจะไม่มีท่ออลูมิเนียม แต่พอตอนหลังมีคนมาขอตระกรุดท่านมากขึ้น จนท่านทำแทบไม่ทันท่านเลยนำท่ออลูมิเนียมมาเป็นไส้กลางเพื่อใช้เป็นตัวยึดในการพันแผ่นทองแดงหรือโลหะอื่นทับ เหมาะและสะดวกต่อการม้วนตระกรุดเป็นอย่างยิ่งครับ และท่ออลูมิเนียมนั้นก่อนที่จะนำมาทำเป็นแกนกลางตระกรุดนั้น ท่านก็มาจารลงอักขระเสียก่อนครับพร้อมเสกกำกับเป็นเบื้องต้น แต่บางอันผมเคยคลี่ตระกรุดดูก็ไม่มีจารนะครับ ส่วนคู่ชีวิตแท้ๆยุคแรกยันต์ที่ใช้จารจะเป็นยันต์แบบหลังเหรียญคู่ชีวิตเลยครับ ถ้าดอกเล็กก็ใช้ยันต์หัวใจคู่ชีวิตครับ(บทย่อครับเพราะเนื้อที่โลหะน้อยจารไม่เต็มสูตร แต่พุทธคุณก็เหมือนกันครับ คือปืนยิงไม่ออก) เท่าที่สังเกตมาและผ่านตระกรุดคู่ชีวิตมาส่วนใหญ่จะพบแต่ตระกรุดคู่ชีวิตยุคกลางและยุคท้ายๆครับคนเลยคิดว่าท่ออลูมิเนียมคือเอกลักษณ์ของตระกรุดคู่ชีวิตเสมอไปครับ เดี๋ยวไปพบแบบไม่มีท่ออลูมิเนียมแล้วปล่อยหลุดมือไปเสียดายแย่เลยครับ ส่วนตระกรุดคู่ชีวิตยุคแรกๆจริงๆเห็นไม่กี่ดอกครับส่วนใหญ่เจ้าของสุดหวงทั้งนั้น ฉะนั้นใครที่มีความสงสัยกับท่ออลูมิเนี่ยมก็เขียนอธิบายให้แล้วนะครับ โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมชอบแบบมีท่ออลูมิเนียมเป็นแกนกลางนะครับเพราะดูแน่นหนาและแข็งแรงดี สำหรับตระกรุดคู่ชีวิตนั้นไม่ว่าจะเป็นยุคแรกหรือยุคกลางหรือยุคท้ายขอให้แท้อย่างเดียวพุทธคุณสุดยอดครับ ใส่ลุยได้เจ็ดย่านน้ำ ถึงยิงก็ไม่ออก ถึงออกก็ไม่โดน ถึงโดนก็ไม่เข้าครับ
 
 
 


หัวข้อ: Re: ปรากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร "
เริ่มหัวข้อโดย: บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน ที่ 15 มิถุนายน 2554, 12:06:06
ภาคปฏิปทาและปาฏิหาริย์หลวงพ่อมหาอาคม ตอนที่ 3

ภาคปฎิปทาและปาฏิหารย์ หลวงพ่อมหาอาคม
วัดดาวนิมิต ตำบลซับสมอทอด อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์
ตอนที่ 3


      กลับมาพบกับทุกท่านที่เป็นศิษย์ของหลวงพ่อมหาอาคม แห่งวัดดาวนิมิตกันอีกครั้งครับ ตั้งแต่ได้เขียนภาคปฎิปทาและภาคปาฎิหารยิ์ของหลวงพ่ออาคมลงในเวบกลุ่มศิษย์หลวงพ่อทบไป รู้สึกว่าตอนนี้หลายๆคนเริ่มรู้จักหลวงพ่อมหาอาคมของเรากันมากขึ้นครับ จนทำให้ตอนนี้วัตถุมงคลต่างๆของท่านเริ่มมีคนแอบเช่าเก็บกันเพิ่มมากขึ้น จนทำให้วัตถุมงคลบางประเภทราคาขยับไปมาก เช่น ตระกรุดคู่ชีวิต , เหรียญรุ่นแรก , รูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก , เหรียญคู่ชีวิต ฯลฯ รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่หลวงพ่อของเรามีคนรู้จักมากขึ้นครับ สำหรับตอนที่ 3 นี้ จะได้เล่าเกร็ดต่างๆที่หลายๆคนไม่เคยรับรู้กันมาก่อนครับ เพื่อเทิดทูลครูบาอาจารย์ของเราว่า หลวงพ่อมหาอาคม หนึ่งไม่เป็นสองรองใคร เพราะท่านเก่งจริงไม่ได้เก่งเชียร์หรือปั่นกระแสใดๆทั้งสิ้นครับ เพราะวันนี้มองไปทางไหนก็ยากเหลือเกินที่จะหาใครเทียบได้ครับ จริงๆแล้วในตอนที่ 3 นี้ ผมรับปากว่าจะเขียนเกี่ยวกับการลองฤทธิ์ของหลวงพ่ออาคมกับบรรดาพระเกจิอาจารย์ ในพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดพระแก้วในกรุงเทพฯครับ แต่ผมกลับมาคิดทบทวนดูแล้วการเขียนอะไรที่เหมือนเขียนเชียร์ว่าพระอาจารย์เราเก่งกว่าพระเกจิบางท่านที่มีลูกศิษย์นับถือกันทั่วบ้านทั่วเมือง จึงเป็นการมิควรเป็นอย่างยิ่ง และที่สำคัญไม่มีประจักษ์พยานใดๆที่จะมาชี้ชัดว่าสิ่งที่ถ่ายทอดออกมาคือเรื่องจริง เพราะเป็นแค่เพียงคำบอกเล่าของหลวงพ่อที่ท่านเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังเท่านั้น และที่สำคัญเรามิควรยกอาจารย์เราเหนือกว่าพระอาจารย์ของคนอื่นครับ การเขียนเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งละเอียดอ่อน ฉะนั้นอะไรที่มิควรเราก็ไม่สมควรจะเขียนครับ เลยต้องขออภัยแฟนๆไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ นั้นเรามาติดตามกันต่อเลยครับ

ตระกรุดหนังเสือสุดยอดมหาอำนาจ เหนือคน

มีตระกรุดอยู่แบบหนึ่งที่หายากเหลือเกินจะเรียกว่าหายากกว่าคู่ชีวิตก็ว่าได้ นั้นคือตระกรุดหนังเสือ ซึ่งหลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิต ท่านได้สร้างไว้จำนวน 2 ครั้ง คือครั้งแรกเมื่อปี 2531 และครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2537 ซึ่งผมอยากจะขออธิบายเป็นยุคๆไปดังนี้ ตระกรุดหนังเสือยุคแรกสร้างปี 2531 พร้อมตระกรุดคู่ชีวิตน้อยอันโด่งดัง ลักษณะเป็นตระกรุดหนังเสือโคร่ง (ลายพาดกลอน) ขอย้ำว่ามีเฉพาะเสือโคร่งเท่านั้น ลักษณะของตระกรุด จะมีขนาดความยาวประมาณ 2.5-3 นิ้ว เหตุที่แต่ละดอกยาวไม่เท่ากันคงเป็นเพราะว่าหนังเสือในแต่ละส่วนมีขนาดต่างกัน เช่นส่วนลำตัว ส่วนตรงขา ซึ่งบางส่วนนำมาตัดแล้วก็เหลือหนังเสือเกิน 2.5 นิ้ว หลวงพ่ออาคมท่านเสียดายเลยไม่ตัดทิ้ง เลยทำให้บางดอกยาวสั้นไม่เท่ากัน เแต่จะไม่ยาวเกินนี้เพราะผ่านตามาไม่ต่ำกว่า 30 ดอก ลักษณะของตระกรุดเป็นหนังเสือโคร่งสอดใส่ในสายยางแล้วมีการลงสีลายธงชาติทับที่สายยาง ขอย้ำว่าลงสีทับที่สายยาง (ดูภาพประกอบ) ลักษณะสายยางตลอดจนลักษณะของสีที่ลงต้องเป็นแบบนี้นะครับเพราะรับมากับมือท่าน ถ้าต่างจากนี้ก็มี แต่จะใกล้เคียงกัน เช่นดอกของคุณพิทักษ์ บึงสามพันที่เคยลงโชว์ไว้ก็ใช่ครับมีลักษณะแม่สีที่ใกล้เคียงกัน ถ้าต่างจากนี้ไม่ทราบครับ เป็นสุดยอดตระกรุดที่หายากมากๆ น่าจะมีไม่ถึง 100 ดอก เป็นวัตถุมงคลในฝันของศิษย์สายตรงอย่างแท้จริง ท่านแจกตระกรุดนี้ให้เฉพาะศิษย์ยุคแรกเท่านั้น หลายๆคนจึงไม่เคยเห็นเพราะมีจำนวนน้อยมากๆและส่วนใหญ่จะตกอยู่กับศิษย์ชาวต่างชาติ เช่น คนไต้หวัน ,ฮองกง , ธิเบต ,มาเลเซีย เป็นต้น ยุคถัดมาเป็นตระกรุดสร้างปี 2537 เป็นแบบหนังเสือโคร่งและแบบเสือไฟ(เสือปลา) ท่านจะลงสีธงชาติในตัวตระกรุดเลยพร้อมเลี่ยมพลาสติกแบบไม่เลี่ยมก็มีนะครับและแบบลงสีที่สายยางก็มีครับ เห็นแต่ก่อนที่วัดให้ทำบุญ 2,000 บาท (ราคาทำบุญสมัยนั้นนะครับ) ตระกรุดปี 2537 ยังพอมีพบเห็นอยู่บ้างแต่ก็หายากเหมือนกัน เห็นมีอยู่ท่านหนึ่งเคยนำมาลงให้เคาะในจีพระครับเห็นเจ้าของบอกว่าไปบุกมาจากเอวเจ้าอาวาสวัดดาวนิมิตในราคา 5,000 บาทครับ (คุณพิทักษ์ บึงสามพันครับ และต้องขออนุญาตที่ต้องเอ่ยนาม เพราะท่านนี้เป็นสายตรงหลวงพ่ออาคมเบอร์หนึ่งของประเทศไทย มีของหายากๆของหลวงพ่อเยอะที่สุดก็ว่าได้ครับ) ส่วนอักขระที่ลงในหนังเสือนั้นเป็นยันต์ปืนแตกบ้าง เก้ายอดมหาอุดบ้าง อิติปิโสบ้าง มีทั้งจารเป็นอักขระแบบขอมลาวและขอมหวัด เดี๋ยวหลายๆคนจะเข้าใจผิดกันว่าตระกรุดหนังเสือเป็นตระกรุดคู่ชีวิตแบบหนึ่งของหลวงพ่อ ไม่ใช่นะครับหลวงพ่ออาคมไม่เคยสร้างตระกรุดคู่ชีวิตเป็นแบบหนังเสือนะครับ ขอยืนยัน และในรุ่นปี 2537 นี้ ยังมีการสร้างหนังหน้าผากเสือด้วยนะครับ นี่ก็หายากเหมือนกันมีทั้งแบบจารอักขระขอมลาวและขอมหวัดครับ ส่วนประสบการณ์นั้นยังไม่เคยได้ยินมาครับเพราะเป็นของหายากน้อยคนที่จะมี แต่ถ้าถามผมแล้วในทัศนะของผมที่ใช้ประจำตัวอยู่คือดีเด่นทางมหาอำนาจและบารมีครับ เหมาะแก่ผู้ที่เป็นเจ้าคนนายคนและปกครองคน เป็นอย่างยิ่งครับโดยเฉพาะกับผู้ที่ปกครองคนจำนวนมาก เช่นข้าราชการ หัวหน้าหน่วยงาน เป็นต้น ถือว่าเป็นตระกรุดที่น่าใช้มากๆครับ ถ้าจะบอกว่าน่าใช้กว่าคู่ชีวิตก็ว่าได้ครับ ส่วนคาถาที่ท่านใช้เสกคือ บทปืนแตกและมหาอำนาจครับ ส่วนยันต์ที่ลงในตัวตระกรุดได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว ใครได้ไปถือว่าเป็นวาสนาบารมีเฉพาะตนครับ ท่านเสกตระกรุดหนังเสือได้ขลังไม่แพ้หลวงพ่อนอวัดกลางท่าเรือ , ไม่แพ้หลวงพ่อตาบวัดมะขามเรียงก็แล้วกันครับ เรียกว่าใช้แทนกันได้สบายพุทธคุณไม่ต่างกัน และที่สำคัญของเก๊ยังไม่เคยเห็น มีแต่ของยัดวัดว่าเป็นตระกรุดหนังเสือของหลวงพ่ออาคมครับ โปรดระวังเพราะช่วงนี้มีคนส่งเมลมาให้ผมดูกันหลายเจ้า ส่วนใหญ่เป็นหนังเสือยัดวัดยัดอาจารย์ครับ ก็ขอจบเกี่ยวกับตระกรุดหนังเสือเพียงเท่านี้ครับ เพราะมีหลายคนอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากๆ วันนี้เขียนให้อ่านกันแล้วนะครับ ขาดตกบกพร่องประการใดจะมาเพิ่มเติมให้ทีหลังนะครับ


เหรียญคู่ชีวิตพิชิตลูกปืน


ในบรรดาวัตถุมงคลของหลวงพ่อมหาอาคมนั้น นอกจากตระกรุดคู่ชีวิตและเหรียญรุ่นแรกแล้วนั้น ก็มีรูปเหมือนปั๊มรุ่นแรกละครับที่เป็นสามสุดยอดของท่าน แต่ก็ยังมีวัตถุมงคลอีกหนึ่งชนิดนะครับที่อยากจะแนะนำให้กับท่านที่หาตระกรุดคู่ชีวิตไม่ได้ เนื่องจากราคาเช่าหาที่ค่อนข้างจะแพง นำมาเป็นทางเลือกในการตัดสินใจสืบเสาะแสวงหามาสักการบูชากันครับ นั้นคือเหรียญคู่ชีวิตครับ ซึ่งมูลเหตุของการสร้างเหรียญคู่ชีวิตนั้นเนื่องมาจากความโด่งดังของตระกรุดคู่ชีวิตของท่าน ทำให้มีคนต้องการตระกรุดคู่ชีวิตกันมากเหลือเกินจนท่านทำแทบไม่ทันแถมท่านอยู่ในวัยชราภาพ มือไม้เริ่มสั่นสายตาเริ่มไม่ค่อยจะดีเหมือนเช่นแต่ก่อน ท่านจึงรวบรวมตระกรุดคู่ชีวิตตลอดจนจารแผ่นอักขระเลขยันต์ต่างๆนำมาให้ช่างรีดเป็นแผ่นแล้วนำมาปั๊มเป็นเหรียญคู่ชีวิตขึ้นมา โดยด้านหลังเหรียญให้บรรจุยันต์คู่ชีวิตเอาไว้ แบบที่ลงในตระกรุดคู่ชีวิตทุกประการ เหรียญรุ่นนี้เรียกว่าดีทั้งนอกและใน คือเนื้อหาดีเพราะนำแผ่นอักขระเลขยันต์ต่างๆมารีดแล้วปั๊มเป็นเหรียญแถมยังได้สุดยอดพระอภิญญาที่มีบารมีทางด้านการเสกตระกรุด คือหลวงพ่อมหาอาคมปลุกเสกอีก หลวงพ่อมหาอาคมท่านบอกว่า เหรียญคู่ชีวิตหนึ่งเหรียญมีพุทธคุณเทียบเท่าตระกรุดคู่ชีวิตหนึ่งดอกครับ ส่วนจำนวนการสร้างไม่ชัดเจนแน่นอน บางท่านก็บอกสร้าง 5,000 เหรียญ บางท่านก็บอก 3,000 เหรียญ มีทั้งแบบเนื้อทองแดงรมดำ , เนื้อกระไหล่ทอง .เนื้อกระไหล่เงินลงยา ,แบบสามกษัตริย์ และเนื้อเงิน ซึ่งสำหรับเนื้อเงินนั้นหายากสุดๆ ขอยืนยันว่ามีแน่นอนแต่น้อยมากๆผมยังเคยพบเห็นเลยครับแต่ไม่มีวาสนาจะได้ครอบครอง ส่วนประสบการณ์ของเหรียญรุ่นนี้หรือครับ มีคนเคยโดนยิงแบบจ่อๆที่จังหวัดเพชรบุรีเลยนะครับ ปรากฏว่ายิงออกนะครับ แต่ไม่เข้าซึ่งเป็นเรื่องที่โจษขานกันเป็นอย่างยิ่งแถวเพชรบุรีแต่คนกลับมาเล่าว่าใส่เหรียญหลวงปู่ท่านหนึ่งกัน (อันนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการเชื่อนะครับ) ปัจจุบันเหรียญคู่ชีวิตของหลวงพ่ออาคมยังพอหาได้นะครับ ราคายังไม่แพงแถมยังไม่มีเหรียญเก๊อีกต่างหาก เชื่อผมเถอะครับถ้าใครหาตระกรุดคู่ชีวิตไม่ได้ ลองหาเหรียญคู่ชีวิตสักเหรียญสิครับเพื่อเป็นทางเลือกของท่านอีกทางหนึ่งครับ แล้วท่านจะรู้ว่าเหรียญคู่ชีวิตนั้นสุดยอดแค่ไหน


หลวงพ่อคูณวัดบ้านไร่พระโพธิสัตว์ลงมาสร้างบารมี

ในช่วงปีพ.ศ. 2536-2539 ชื่อเสียงของหลวงพ่อคุณแห่งวัดบ้านไร่นั้นโด่งดังทะลุฟ้า แม้แต่คุณพยัพคำพันธุ์และคุณแอ็ดคาราบาว ยังร่วมกันแต่งเพลงหลวงพ่อคูณจนดังสนั่นเมือง เด็กและผู้ใหญ่ร้องเพลงนี้กันได้กันทุกคน ความดังของหลวงพ่อคูณ ขนาดวงคาราบาวยังขออนุญาติท่านสร้างเหรียญหลวงพ่อคูณรุ่นเพื่อชีวิตกันเลยละครับ ชั่วโมงนั้นท่านคือเกจิอันดับหนึ่งของเมืองไทยกันเลยละครับ ในช่วงปีพ.ศ. 2538 ผมได้มีโอกาสสอบถามหลวงพ่ออาคมว่า หลวงพ่อครับรู้จักหลวงพ่อคูณไหมครับ ท่านตอบว่ารู้จักสิ หลวงพ่อคูณท่านมีบารมีมากเหลือเกิน เป็นโพธิสัตว์แบ่งภาคมาเกิดเพื่อสร้างบารมีเชียวนะมึง ในหนึ่งร้อยปีจะหาพระสงฆ์ที่มีบารมีเฉกเช่นหลวงพ่อคูณนั้นหายากเหลือเกิน ถ้าเอ็งมีโอกาสก็ให้รีบไปกราบท่านซะพระอย่างนี้หายากว่ะ แล้วหลวงพ่อคูณกับหลวงพ่อใครเก่งกว่ากันครับ ท่านเลี่ยงตอบคำถามนี้ ท่านเพียงแต่พูดว่าบารมีด้านชื่อเสียงของหลวงพ่อคูณท่านเหนือกว่าข้าว่ะ ข้าสู้บารมีด้านชื่อเสียงท่านไม่ได้จริงๆ พระอย่างหลวงพ่อคูณเป็นพระแท้พระทองคำทั้งองค์ มีใจเป็นกุศลเป็นนักบุญที่ยากจะหาใครมาเทียบได้ ผมเลยถามหลวงพ่ออาคมต่อเลยว่า หลวงพ่อคูณท่านทำตระกรุดฝังแขนได้แล้วหลวงพ่อละครับ ทำได้หรือเปล่า สิ้นคำถามนี้ท่านดุผมแล้วพูดขึ้นว่า กูทำได้หมดล่ะจะฝังตระกรุด จะสักยันต์สักกระหม่อม แต่กูไม่อยากทำให้ใคร กูกลัวใครที่ได้ไปแล้วประพฤติตนไม่ดี ไปเป็นโจรเกเรเขา บ้านเมืองจะเดือดร้อนไปกันใหญ่ สรุปว่าหลวงพ่ออาคมของเรา ท่านก็ทำตระกรุดได้ทุกชนิดแม้กระทั่งตระกรุดที่ฝังตามร่างกายเช่นที่ใต้ท้องแขนเป็นต้น และผมก็ได้ข้อมูลมาว่าคุณปุย แห่งเวบกลุ่มศิษย์หลวงพ่อทบก็เคยไปฝังตระกรุดกับหลวงพ่ออาคมมาด้วยใช่ไหมครับ เป็นหลักฐานชิ้นเอกเลยก็ว่าได้ เป็นพยานบุคคลเลยก็ว่าได้ ว่าหลวงพ่ออาคมก็ทำตระกรุดฝังใต้ท้องแขนได้ เฉกเช่นเดียวกับ.......หลวงพ่อคูณ แห่งวัดบ้านไร่ ใครรู้จักพี่ปุยของเรา ก็ลองไปถามเขาดูว่าเคยไปฝังตระกรุดกับหลวงพ่ออาคมหรือเปล่า ส่วนตัวผมเองนั้น สักกระหม่อมกับหลวงพ่อและสักหลังด้วยน้ำมันงาครับ.................................


หัวข้อ: Re: ปรากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร "
เริ่มหัวข้อโดย: บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน ที่ 15 มิถุนายน 2554, 12:49:13
ภาคปฏิปทาและปาฏิหาริย์หลวงพ่อมหาอาคม ตอนที่ 4

ภาคปฏิปทาและปาฏิหาริย์หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิต
ตำบลซับสมอทอด อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์
เกจิอาคมขลัง แห่งเมืองมะขามหวาน ตอนที่ 4

โดย กริชภารตะ

    ช่วงนี้ผมติดภารกิจเกี่ยวกับการศึกษาต่อและหน้าที่การงานที่รัดตัว และที่สำคัญผมนำสิ่งต่างๆที่เขียนเกี่ยวกับเกร็ดประวัติต่างๆของหลวงพ่ออาคมมาปรับปรุงสำนวน และภาษาให้ท่านที่ติดตามได้อ่านกันง่ายขึ้น เพราะการถ่ายทอดเป็นภาษาเขียนแล้วสื่อให้ผู้อ่าน ได้อ่านแล้วเข้าใจนั้น มันเป็นเรื่องยากเหมือนกันนะครับ เลยต้องงัดตำราในสมัยที่เคยเรียนทางด้านครูออกมาใช้กัน สำหรับตอนนี้เป็นตอนที่ 4 แล้วครับ ได้ข่าวว่ามีแฟนๆของผมหลายๆคนกำลังรอติดตามอ่านกันอยู่ครับ ว่าจะเขียนสัก 12 ตอน หรือจนกว่าข้อมูลจะหมดครับและถ้าใครมีเกร็ดต่างๆเกี่ยวกับหลวงพ่ออาคมวัดดาวนิมิตทุกๆเรื่องก็ส่งมาที่ผมได้นะครับ ผมจะนำลงให้แล้วกล่าวอ้างให้ด้วยว่าข้อมูลนี้ได้มาจากท่านใด มาร่วมกันช่วยเผยแพร่บารมีของหลวงพ่ออาคมกันนะครับ ยินดีต้อนรับทุกท่านครับ ส่งมาที่เมล kit17@hotmail.com และก็ต้องขอขอบพระคุณล่วงหน้านะครับสำหรับนักเขียนรับเชิญทุกๆท่านที่จะส่งมา ตอนนี้ถึงเวลาการติดตามอ่านกันแล้วครับกับตอนที่ 4

ตะกั่วพระฤาษี

ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงเคยเห็นพระหล่อพิมพ์ต่างๆของหลวงพ่ออาคมที่สร้างจากเนื้อตะกั่ว ซึ่งส่วนใหญ่ท่านล้อพิมพ์พระกรุเก่า และเหรียญบางรุ่นของท่านก็มีเนื้อตะกั่วด้วยนะครับ เช่นเหรียญล้อพิมพ์รุ่นแรกที่ออกปี 2536 , เหรียญคู่ชีวิต หรือถ้าใครเคยสังเกตเห็นรูปเหมือนปั๊มรุ่นแรกบางองค์ของหลวงพ่ออาคม ก็มีการนำตะกั่วมาอุดที่ใต้ฐานด้วย ขนาดพระกริ่งท่านรุ่นแรกยังมีการสร้างด้วยเนื้อตะกั่วเลยครับ ส่วนการแยกแยะวัตถุมงคลของท่านที่สร้างจากเนื้อตะกั่วนั้น ถ้าจะให้เขียนกันคงต้องยืดยาวเกินไปครับ เอาเป็นว่าเรามาเจาะประเด็นกันเลยดีกว่าว่า เนื้อตะกั่วที่หลวงพ่ออาคมนำมาสร้างพระนั้น เป็นเนื้อตะกั่วอะไรหรือเป็นแค่ตะกั่วธรรมดาที่มีขายกันอยู่ทั่วไปหรือเปล่า ฉนั้นวันนี้เลยต้องขอเขียนตรงประเด็นนี้หน่อยครับเพราะมีคนเมลเข้ามาสอบถามกันมากเหลือเกิน ตะกั่วเป็นธาตุโลหะชนิดหนึ่งที่คนโบราณมีความเชื่อกันว่าโลหะธาตุชนิดนี้ถ้านำมาสร้างพระเครื่องหรือวัตถุมงคลแล้ว จะมีคุณสมบัติสามารถดูดซับพลังกระแสจิตหรือพลังธรรมของพระเกจิอาจารย์ที่ปลุกเสกได้ดีกว่าโลหะธาตุชนิดอื่น ฉะนั้นพระเกจิในอดีตจึงนิยมสร้างวัตถุมงคลเป็นเนื้อตะกั่วกันซึ่งหลายๆท่านอาจจะเข้าใจผิดคิดว่า ที่คนโบราณนิยมสร้างวัตถุมงคลเป็นเนื้อตะกั่วเพราะเป็นวัตถุที่หาง่ายและต้นทุนต่ำ ถ้าท่านคิดเช่นนั้นถือว่าผิดถนัดครับ

สำหรับประวัติความเป็นมาของตะกั่วที่หลวงพ่ออาคมนำมาสร้างเป็นพระเครื่องหรือนำมาอุดใต้ฐานรูปเหมือนปั๊มรุ่นแรกของท่านนั้น หลวงพ่อมักจะเรียกตะกั่วชนิดนี้ว่า ตะกั่วฤาษี สาเหตุที่เรียกเช่นนี้เพราะว่าสมัยที่ท่านยังเดินธุดงค์เพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์และฝึกจิตให้เข้มแข็งอยู่นั้น มีอยู่วันหนึ่งท่านได้พบกับถ้ำแห่งหนึ่งในแถบภาคอิสาน ณ ถ้ำแห่งนี้หลวงพ่อสังเกตเห็นว่าเหมาะแก่การบำเพ็ญภาวนาทางจิตเป็นอย่างมากท่านจึงปลักกลด ณ สถานที่แห่งนี้ หลังจากที่ท่านทำภารกิจตามกิจของสงฆ์เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านก็เข้าสมาธิเจริญภาวนาเพื่อฝึกจิต ระหว่างที่ท่านกำลังอยู่ในห้วงแห่งสมาธิก็ได้เกิดเห็นในนิมิตแห่งญาณ เห็นเป็นลักษณะของคนแก่นุ่งขาวห่มขาว มีหนวดเครารุงรัง เดินเข้ามาหาท่านพร้อมกับยกมือไหว้หลวงพ่ออาคม แล้วก็พูดขึ้นมาว่า ?เกล้ากระผมรอท่านมาตั้งนานแล้วครับ กระผมขอมอบของสิ่งหนึ่งให้ท่านครับ ให้ท่านเอาไปสร้างเป็นวัตถุมงคลเอาไว้แจกญาติโยมเพราะอีกหน่อยท่านต้องมีภาระที่ต้องทำสถานที่แห่งหนึ่งเกี่ยวกับพระศาสนา ฉะนั้นท่านต้องมีสิ่งที่น้อมนำให้คนเข้ามาช่วยท่านทำภารกิจตรงนี้ สิ่งที่เกล้ากระผมจะมอบให้นี้ เป็นตะกั่วที่กระผมได้อธิฐานจิตไว้แล้วมีฤทธิ์ทางดับปืนไฟและเป็นมหาอุดหยุดปืนไฟ ขอให้ท่านเก็บเอาไว้ให้ดีเอาไว้สร้างกุศลเพื่อพระพุทธศาสนาต่อไป และของสิ่งนี้ก็อยู่ในซอกถ้ำด้านข้างใน ขอให้ท่านเข้าไปเอามาเถอะ มีคนเคยเข้ามาในถ้ำนี้กันมากแต่กระผมบังตาเอาไว้ไม่ให้ใครเห็นรอจนท่านมานี่แหละและก็หวังว่าท่านคงนำสิ่งที่กระผมมอบให้นี้ไปสร้างกุศลเพื่อสืบสานพระพุทธศาสนาสืบต่อไปเทอญ หมดภารกิจของกระผมแล้ว กระผมต้องไปเสียทีเพราะรอท่านมานานเหลือเกิน กระผมกราบลาท่านละครับ? เสร็จคำพูดของตาประขาวร่างในนิมิตของตาปะขาวตนนี้ก็หายไป หลวงพ่ออาคมจึงถอนจากสมาธิและคิดว่ามันจะเป็นจริงดั่งที่ตาปะขาวพูดหรือไม่ ท่านจึงลองเดินเข้าไปในถ้ำ ดูตามจุดที่ตาปะขาวบอก แล้วก็เป็นจริงดั่งที่ตาปะขาวพูด ท่านพบก้อนตะกั่ว อยู่หลายก้อน ก้อนหนึ่งท่านบอกว่ากะๆดูแล้วน่าจะหนักสักประมาณ 1 กิโลกรัม แต่ท่านเอามาแค่ประมาณ 2 ก้อน และตอนหลังเมื่อธุดงค์ผ่านไป ณ ถ้ำแห่งนี้อีกท่านก็ทยอยเอามาจนหมด แปลกแต่จริงไหมครับที่ตะกั่วในถ้ำนี้ไม่มีใครเคยเห็นแม้จะเดินเข้าไปตรงจุดที่มีตะกั่ววางอยู่ จะมีก็แต่องค์หลวงพ่ออาคมเพียงท่านเดียวเท่านั้นที่มองเห็นและสามารถเอามาได้ หรือเทวดาในถ้ำจะบังตาเอาไว้รอเพียงหลวงพ่ออาคมเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะเอาไปได้ เป็นของคู่บุญเฉพาะตนจริงๆ หลวงพ่ออาคมมักพูดเสมอมาว่า แค่ตะกั่วฤาษีอย่างเดียวไม่ต้องเสกอะไรปืนก็ยิงไม่ออกแล้วเพราะพระฤาษีท่านทำไว้ดีแล้ว ขลังสุดๆ ตั้งแต่นั้นมาท่านจึงนำตะกั่วดังกล่าวฯมาสร้างวัตถุมงคลโดยการผสมกับตะกั่วเก่าของกรุนาดูรที่ท่านได้มาตอนธุดงค์เช่นกัน และท่านจะเรียกตะกั่วชนิดนี้ว่า ตะกั่วฤาษีเสมอมา .........


คำสอนของหลวงพ่อ ?เป็นเสือต้องเป็นทั้งตัว?


หลวงพ่อมหาอาคม ท่านมักจะสอนศิษย์ของท่านเสมอมาว่า ถ้าคิดจะเป็นเสือต้องเป็นทั้งตัว ซึ่งคำสอนนี้หลายๆท่านที่อ่านประโยคนี้แล้ว ขอให้อ่านให้จบก่อนนะครับแล้วจะทราบความหมายของคำว่า ?เป็นเสือต้องเป็นทั้งตัว? ประโยคนี้มีนัยยะที่แฝงไว้ด้วยความเมตตาและเป็นคำสอนที่กินใจและลึกซึ้ง หลวงพ่อสอนว่า คนโบราณนั้นเขามักจะมีของดีติดตัวเสมอ เช่น พระเครื่อง, ตะกรุด , หรือของทนสิทธิ์ต่างๆ เช่น คตขนุน, คตปลวก หรือบางคนก็สักยันต์ตามตัว หรือบางคนก็ฝังตะกรุด กินว่านอาบน้ำว่านบ้าง ซึ่งคนโบราณนั้นท่านมักมีของดีหลายๆอย่างติดตัวเสมอ แต่ผิดกับคนยุคสมัยใหม่ยุคปัจจุบันที่นิยมห้อยพระเพียงแค่อย่างเดียว เวลามีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เช่นเกิดอุบัติเหตุหรือมีเรื่องชกต่อยกัน บางทีพระที่คล้องคอนั้นอาจจะหลุดออกจากตัวได้ หรือสายสร้อยที่คล้องพระนั้นอาจขาดได้ ซึ่งเป็นผลให้บางคนถึงแก่ชีวิตก่อนวัยอันควรได้ มีเรื่องเล่าจากปากหลวงพ่ออยู่เรื่องหนึ่งที่ท่านเคยเล่าให้ฟังว่า มีผู้ใหญ่บ้านท่านหนึ่งแถบอำเภอน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ เป็นคนที่หนังเหนียวมากๆ เนื่องจากในคอคล้องรูปหล่อหลวงพ่อเขียนวัดถ้ำขุนเณร เคยปะทะกับโจรปล้นบ้านหรือแม้กระทั่งนักเลงต่างถิ่นก็เคยดวลกันมาแล้ว แต่ก็รอดปลอดภัยมาทุกครั้ง จนมีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ผู้ใหญ่บ้านท่านนี้ถึงแก่ชีวิต อันเนื่องมาจากการถูกยิงจากโจรปล้นบ้าน ทั้งๆที่ผู้ใหญ่บ้านท่านนี้โดนส่องด้วยปืน 11 มม. ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยไหม้ของกระสุนไม่ต่ำกว่า 7 นัด แต่ที่ต้องมาพลาดท่าโดนยิงที่หัว 1 นัด จนสิ้นชื่อเนื่องจากการโดนกลุ่มโจร เข้าปะชิดตัวแล้วเกิดการตะลุมบอนกัน 3 ต่อ 1 ซึ่งแน่นอน ผู้ใหญ่บ้านท่านนี้ต้องสิ้นชื่อเพราะโดนกระชากสร้อยพระออกจากคอ จากนั้นหรือครับ โป้งนัดเดียวจอดครับ ซึ่งผู้ใหญ่บ้านท่านนี้เป็นคนที่หลวงพ่ออาคมท่านรู้จักดีครับและรู้สึกว่าท่านจะสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่งครับ กับเหตุการณ์นี้ หลวงพ่ออาคมท่านบอกว่าถ้าผู้ใหญ่บ้านท่านนี้มีตระกรุดที่เอวสักดอก หรือผ่านการสักยันต์ตามตัวมาบ้าง จุดจบคงจะไม่เป็นแบบนี้แน่ แต่ก็อย่างว่านั้นละครับ มันคงเป็นกรรมเก่าของเขาด้วยที่ทำให้เขาต้องพบกับจุดจบเช่นนี้ ตั้งแต่นั้นมา หลวงพ่ออาคมมักจะสอนศิษย์เสมอมาว่า เป็นเสือต้องเป็นทั้งตัวครับ คือนอกจากจะห้อยพระในคอแล้ว น่าจะมีวัตถุมงคลประเภทอื่นๆติดตัวบ้างโดยเฉพาะตะกรุดซึ่งใช้คาดเอว เวลาเกิดการสู้ประชิดตัว ตะกรุดก็ยังอยู่ที่เอวไม่มีทางหลุดไปจากเอวได้และคนที่คิดไม่ดีกับเราก็ไม่รู้ด้วยว่าเรายังมีของดีซ่อนอยู่ที่เอวและที่สำคัญหลวงพ่อพูดแกมขำๆว่า ยิ่งมีปืนเหน็บเอวไปด้วยซักกระบอก ยิ่งดีไปกันใหญ่ นี่ก็เป็นเกร็ดเล็กๆที่ผมได้รับฟังมาจากศิษย์ยุคต้นๆของท่านครับที่กรุณาเล่าให้ฟังและได้กลายเป็นข้อมูลถ่ายทอดให้ทุกๆท่านได้อ่านกันครับ

รูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก....ผีขยาด......

ในบรรดาวัตถุมงคลทั้งหลายของหลวงพ่ออาคมวัดดาวนิมิตนั้น โดยส่วนตัวของผมแล้วนั้นผมชอบรูปเหมือนปั๊มรุ่นแรกปี 2531 เป็นที่สุด เพราะดูแล้วเข้มขลังและเหมือนองค์หลวงพ่อดีครับ ซึ่งหลวงพ่ออาคมท่านบอกว่า รูปเหมือนปั๊มรุ่นแรกของข้านี้ ข้าจะเสกเอาไว้แทนตัวข้าเลย เสกบทมหาอุดยันเมตตาเลยละมึง กูรับรองว่าคล้องแล้วไม่หนักคอเปล่า......มีเหตุการณ์อยู่เหตุการณ์หนึ่งที่ยืนยันได้ว่ารูปเหมือนปั๊มรุ่นแรกของท่าน ไม่ใช่เด่นทางคุ้มครองทางอุบัติเหตุหรือหนักไปทางมหาอุดหยุดปืนเพียงอย่างเดียว คือเมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2535 ได้มีคนอยู่กลุ่มหนึ่งขับรถมาหาหลวงพ่ออาคมที่วัดดาวนิมิต โดยมาด้วยกัน 5 คน หนึ่งในนั้นเป็นหญิง 2 คน ชายอีก 3 คน ซึ่งเมื่อมาถึงที่วัดก็ถามพระที่วัดว่าหลวงพ่ออาคมอยู่หรือไม่ ซึ่งขณะนั้นท่านกำลังต้อนรับคณะศิษย์ที่มาจากกรุงเทพกลุ่มหนึ่งอยู่ ชายผู้มาจากแดนไกลได้เข้าไปกราบหลวงพ่อและขัดการสนทนาของท่านกับกลุ่มศิษย์กรุงเทพ และกราบเรียนหลวงพ่อว่า หลวงพ่อครับช่วยไล่ผีที่สิงเมียผมทีครับ ผีมันเข้าเมียผมตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ ทำอย่างไรไปหาพระที่เก่งๆที่ไหนก็ไล่ผีมันไม่ออกสักที พอดีมีคนแนะนำมาว่าให้มาหาหลวงพ่อครับ ผมขับรถมาจากขอนแก่นครับ......ชายผู้นี้ก็เล่าให้หลวงพ่ออาคมฟังว่า มีอาชีพทำนาใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาตามประสาชาวนาในชนบท แต่อยู่ๆเมื่อวานนี้หลังจากกลับมาจากนา อยู่ๆเมียผมก็เกิดอาการที่ผิดปกติคืออยู่ๆก็ล้มพับหมดสติไป พอฟื้นขึ้นมาก็ไม่พูดกับใคร สายตาก็มองขวางๆและพูดเพียงคำเดียวว่ากูจะเอามันให้ตาย กูจะเอามันให้ตาย แม้ทางผมและญาติจะถามว่ามันเป็นเช่นไร หรือเป็นใครมาทำไม ภรรยาผมก็พูดอยู่เช่นนี้ตลอดมา จนญาติๆลงความเห็นว่าน่าจะถูกผีเข้าแน่เลย เลยพากันนำไปหาพระเกจิในย่านแถวนั้นตลอดจนหมอผีที่เขาว่าดังๆ ก็ไม่สามารถที่จะทำให้ภรรยากลับมามีสติเหมือนเดิมได้ จนหมดปัญญาที่จะหาทางเยียวยาและแก้ไข จนมีพระเกจิท่านหนึ่งชื่อหลวงพ่อ......ได้บอกว่ามีพระอยู่องค์หนึ่งเก่งเหลือเกินเคยพบกันตอนพุทธาภิเษกวัตถุมงคลที่วัดแห่งหนึ่ง ชื่อหลวงพ่อมหาอาคม ท่านอยู่วัดดาวนิมิต อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ น่าที่จะสามารถแก้ไขอาการของภรรยาโยมได้ เพราะหลวงพ่ออาคมท่านนี้ พลังทางจิตตลอดจนอาคมของท่านนั้นขลังเหลือเกิน พวกเอ็งลองรีบไปหาท่านซะก่อนที่จะสายเกินแก้ พวกกระผมและญาติๆจึงขับรถมากราบท่านที่วัดดาวนิมิตนี่ละครับ เมื่อฟังที่มาที่ไปจบและทราบเรื่องราวต่างๆแล้วหลวงพ่ออาคมก็ให้ญาติๆนำหญิงที่ถูกผีเข้า เข้ามาใกล้ท่าน ท่านก็มองหญิงสาวคนนั้นที่ผีกำลังสิงอยู่ด้วยความเมตตา ท่านก็เพียงแค่หยิบรูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก ปี 2531 ที่ท่านกำลังจะเตรียมมอบให้ศิษย์ทางกรุงเทพฯมา 1 องค์ แล้วยื่นให้สามีคนที่ถูกผีสิงแล้วบอกว่า เอ็งเอารูปเหมือนของข้าแตะที่หน้าผากเมียเอ็งแค่นี้ก็พอ ไปไปทำกันตรงโน้นไป หลวงพ่ออาคมไล่ให้ไปทำที่ด้านนอกของศาลา เสร็จเสียงของหลวงพ่ออาคม กลุ่มของคณะที่ถูกผีสิงก็พากันไปที่นอกศาลา สักครู่ก็พากันเดินเข้ามาในศาลาพร้อมกับผู้หญิงที่ถูกผีสิง แปลกแต่จริงหญิงคนดังกล่าวฯกับสภาพในตอนนี้ต่างกันคนละคน พอเดินเข้ามาถึงหลวงพ่อก็ก้มลงกราบหลวงพ่อแบบงงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น และตนเองมาอยู่ที่วัดนี้ได้อย่างไร หลวงพ่ออาคมของเราก็ไม่ได้พูดอะไรมากท่านเพียงแต่พูดสั้นๆว่า เอ็งเก็บรูปหล่อของข้าไว้ให้ดี แม้แต่ผีมันยังกลัวข้าเลยว่ะ แล้วท่านก็หัวเราะ หึหึหึ อยู่ในลำคอ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...........ผมเล่าสรุปแบบสั้นๆให้เท่านั้นนะครับ ไม่งั้นจะไปกันใหญ่สามหน้าก็ไม่จบ....เห็นไหมครับว่ารูปเหมือนปั๊มรุ่นแรกของท่านเด็ดขาดและแน่นอนแค่ไหน


หัวข้อ: Re: ปรากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร "
เริ่มหัวข้อโดย: บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน ที่ 15 มิถุนายน 2554, 13:02:04
ภาคปฏิปทาและปาฏิหาริย์หลวงพ่อมหาอาคม ตอนที่ 5

ภาคปฏิปทาและปาฏิหาริย์
หลวงพ่อมหาอาคมวัดดาวนิมิต ตำบลซับสมอทอด
อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์
ตอนที่ 5

โดย กริชภารตะ

เป็นตอนที่ 5 แล้วนะครับกับภาคปฏิปทาและปาฏิหาริย์หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิต ซึ่งตัวผมเองมีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่อยากจะนำเอาประสบการณ์อันมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติในวัตถุมงคลของท่านมาประกาศเกียรติคุณให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้กันว่า ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ก็ยังมีพระเกจิอาจารย์อีก 1 รูป ที่มีความเก่งกล้าทางอาคมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระเกจิอาจารย์ท่านอื่นเลย เหมือนช้างเผือกที่ซ้อนเร้นอยู่ในป่าลึกรอการออกสู่นอกป่าเพื่อให้โลกได้รับรู้ว่า ยังมีพระเกจิอีกหนึ่งองค์ที่เก่งกล้าเหลือเกิน แม้กาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจปิดกั้นพุทธานุภาพในวัตถุมงคลของท่านที่เสกไว้ไปได้ ซึ่งปัจจุบันมีผู้คนเริ่มมีประสบการณ์จากวัตถุมงคลของหลวงพ่อมหาอาคมวัดดาวนิมิตกันมากขึ้น ปากต่อปากก็บอกต่อกันไปจนทำให้หลายๆคนถามหาวัตถุมงคลทุกประเภทของหลวงพ่อมหาอาคมกัน จนวันนี้ท่านติดทำเนียบยอดพระเกจิเมืองเพชรบูรณ์ไปแล้วครับ เอาละครับเขียนเกริ่นมาซะยาวเลย เรามาพบกับ ตอนที่ 5 กันเลยดีกว่าครับ

หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ มาขอเรียนวิชา

มีพระเกจิอาจารย์อยู่รูปหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันโด่งดังมาก พระรูปนั้นก็คือ หลวงพ่อสาคร แห่งวัดหนองกรับ ศิษย์เอกของหลวงปู่ทิม แห่งวัดละหารไร่ จ.ระยอง ซึ่งในปี 2527 นั้นหลวงพ่อสาคร ท่านก็มาขอเรียนวิชากับหลวงพ่ออาคมโดยวิชาที่มาขอเรียนนั้น เป็นพวกวิชาการทำตะกรุดต่างๆเพราะหลวงพ่ออาคมเก่งในเรื่องของการทำตะกรุดมาก เรียกได้ว่าท่านทำตะกรุดได้แทบทุกชนิดตั้งแต่ตะกรุดเมตตายันมหาอุดก็ว่าได้ครับ ครั้งหนึ่งหลวงพ่อสาครวัดหนองกรับ เคยกล่าวถึงหลวงพ่ออาคมวัดดาวนิมิตให้บรรดาลูกศิษย์ของท่านฟังว่า ? หลวงพ่ออาคมนี่ก็เก่งเหมือนกัน ท่านเป็นพระที่ขยันและมีความวิริยะอุตสาหะเป็นอย่างยิ่ง ทุกๆคืนจะเห็นหลวงพ่ออาคมอยู่ในห้องของท่าน จารตะกรุดบ้าง เสกของบ้าง โดยเฉพาะตะกรุดของท่านนั้นทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจาร การม้วน การถักและลงสี ท่านทำของท่านเพียงรูปเดียว จะหาพระที่ขยันและเก่งแบบท่านนั้นยากเหลือเกิน ? ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่หลวงพ่อสาครท่านพูด เพราะในช่วงยุคแรกๆนั้น การทำตะกรุดของหลวงพ่ออาคมนั้น ทุกขั้นตอนท่านจะลงมือทำเองทั้งหมด จนเมื่อท่านเข้าสู่วัยชราภาพตลอดจนสุขภาพของท่านไม่ค่อยจะดีเหมือนแต่ก่อน ท่านถึงให้ศิษย์ช่วยลงตะกรุดให้บ้าง ม้วนตะกรุดให้บ้าง พันและถักตะกรุดให้บ้าง ทาสีตัวตะกรุดให้บ้าง แต่ทุกขั้นตอนก็อยู่ในการกำกับดูแลของท่านแบบไม่คาดสายตา ขนาดพระบางรูปที่มาช่วยท่านลงสีในตัวตะกรุด ครองจีวรไม่เรียบร้อย และไม่สำรวมกาย ท่านยังเอ็ดเอาเลย ท่านมักพูดเสมอมาว่า ?ทำกันแบบนี้ครูบาอาจารย์ที่ไหนท่านจะลงมาช่วยละ ไม่เคารพครูบาอาจารย์กันเลย ไปๆไป ทำเป็นของเล่นกันไปได้? จะเห็นได้ว่าหลวงพ่ออาคมของเรานั้นท่านพิถีพิถันในการทำตะกรุดทุกขั้นตอนมากแค่ไหนครับ..................

ปัจจุบันหลวงพ่อสาครวัดหนองกรับ ท่านก็เก่งในเรื่องของการทำตะกรุดเช่นกัน โดยการผสมผสานวิชาในหลายๆสายที่ท่านได้ร่ำเรียนมาเอามาประยุกต์ใช้ และตะกรุดของท่านทุกแบบทุกรุ่นก็ขลังไม่แพ้เกจิอาจารย์รุ่นเก่าๆเลยครับ ดังจะเห็นได้จากประสบการณ์ที่ศิษย์ของท่านได้ประสบมา บางประสบการณ์นั้นก็เหนือคำบรรยายจริงๆครับ ถ้าท่านใดพอจะมีเวลาว่างก็ลองๆแวะไปกราบหลวงพ่อสาครที่วัดดูสิครับ และอย่าลืมมองที่ตู้วัตถุมงคลของวัดและมองหาตะกรุดกันบ้างนะครับ เพราะจะหาพระเกจิที่ทำตะกรุดได้ขลังแบบท่านในยุคนี้นั้นหายากเหลือเกินครับ.........

หลวงพ่อองค์นี้อยู่วัดไหน

มีงานพุทธาภิเษกพระกริ่งอยู่งานหนึ่ง ที่หลวงพ่อมหาอาคมของเราได้รับนิมนต์เข้าร่วมพุทธาภิเษกด้วย นั้นคืองานพุทธาภิเษกพระกริ่งปฐมเจดีย์ 150 ปี เมื่อปี 2546 ก่อนหลวงพ่อมรณภาพ 1 ปี ซึ่งในงานนี้มีพระเกจิอาจารย์ที่เก่งจากทั่วทุกสารทิศในประเทศไทยเข้าร่วมพุทธาภิเษกด้วยโดยแบ่งเป็นชุดๆ หนึ่งในพระเกจิที่โด่งดังแห่งยุค คือพระเดชพระคุณหลวงปู่ทิม แห่งวัดพระขาว จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็รับนิมนต์มาด้วย ภายหลังจากการพุทธาภิเษกเสร็จสิ้น หลวงปู่ทิมแห่งวัดพระขาว อ.บางบาล จ.อยุธยา ได้เรียกศิษย์ของท่านเข้ามาหาแล้วชี้ไปที่พระสงฆ์รูปหนึ่งซึ่งกำลังนั่งสงบนิ่งเพื่อพักผ่อนหลังจากพุทธาภิเษกเสร็จ หลวงปู่ทิมบอกศิษย์ท่านว่า เอ็งไปถามหลวงพ่อองค์นั้นสิ ว่าท่านชื่ออะไร อยู่วัดไหน จังหวัดอะไร ข้าอยากรู้จัง ซึ่งลูกศิษย์ของหลวงปู่ทิมก็ได้เดินเข้าไปกราบหลวงพ่อรูปนั้น แล้วก็กราบเรียนถามพระสงฆ์รูปนั้นว่า ?หลวงพ่อครับหลวงปู่ทิมแห่งวัดพระขาวท่านให้ผมมาถามหลวงพ่อครับ ว่าหลวงพ่อชื่ออะไร อยู่ที่วัดไหนจังหวัดอะไร? คำตอบที่ได้รับ อาตมาชื่ออาคม อยู่วัดดาวนิมิต จังหวัดเพชรบูรณ์ ?แล้วองค์ไหนหรือหลวงปู่ทิมแห่งวัดพระขาว ? ? หลวงพ่ออาคมถาม ไหนเอ็งพาข้าไปกราบท่านหน่อยสิ สิ้นคำตอบของหลวงพ่ออาคม ลูกศิษย์ของหลวงปู่ทิมแห่งวัดพระขาวก็ได้พาหลวงพ่ออาคมเข้าไปกราบหลวงปู่ทิม พอหลวงพ่ออาคมพบหลวงปู่ทิม ก็ก้มลงกราบที่ตักแล้วพูดว่า หลวงพ่ออาคม กระผมได้ยินชื่อเสียงของหลวงพ่อมานานแล้วครับ ผมขอกราบนมัสการครับ หลวงปู่ทิมเอามือเข้ามารับไว้และเอ่ยวาจาขึ้นว่า หลวงปู่ทิม ท่านอยู่วัดไหนหรือ แล้วชื่อท่านเล่า หลวงพ่ออาคม ผมชื่อ พระอาคมครับ อยู่วัดดาวนิมิต จังหวัดเพชรบูรณ์ครับ หลวงปู่ทิม ท่านนั้นเก่งหรือเกินนะ พลังจิตท่านเข้มขลังเหลือเกิน ฉันเพิ่งเคยเห็นพระแบบท่านนะ ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้จักท่านเลยนะ แล้วท่านทั้ง 2 รูปก็สนทนากันอยู่สักพัก หลวงพ่ออาคมก็กราบนมัสการลาหลวงปู่ทิม ก่อนกลับหลวงปู่ทิมยังเอ่ยวาจากับหลวงพ่ออาคมว่า เราคงได้พบกันอีกนะ ตั้งแต่นั้นมาคนในแถบอยุธยาจึงเริ่มรู้จักหลวงพ่ออาคม เพราะหลวงปู่ทิมแห่งวัดพระขาว ได้บอกให้ลูกศิษย์ท่านฟังว่า หลวงพ่ออาคมรูปนี้ พลังจิตลึกล้ำเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อว่าในปัจจุบันยังมีพระที่มีพลังจิตใกล้เคียงกับพระยุคเก่าๆหลงเหลืออยู่อีก พวกเอ็งจำไว้ถ้ามีโอกาสก็ไปกราบท่านบ้างละ พระแบบนี้นานๆจะพบสักองค์......................................................

เสกพระแบบกำลังสอง

หลายๆคนคงอยากรู้ว่าหลวงพ่ออาคมของเรานั้นเวลาท่านปลุกเสกพระหรือพวกตะกรุด ท่านใช้คาถาอะไรในการปลุกเสก ซึ่งผมได้มีโอกาสสอบถามศิษย์รุ่นเก่าๆของหลวงพ่อที่ได้เคยสนทนากับหลวงพ่ออาคมเกี่ยวกับการปลุกเสกพระหรือตะกรุดของท่าน ว่าท่านเสกแบบไหนทำไมถึงขลังเหลือเกิน ซึ่งคำตอบจากปากท่านที่ได้รับคือ ของกูทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นพระหรือพวกเครื่องราง เช่น ตะกรุดทุกชนิด ปลักขิก กูจะลงบทมหาอุดหยุดปืนและบทปืนแตก(ปราบปืน)เป็นพื้นฐานก่อน โดยใช้อาโปธาตุเพราะธาตุน้ สามารถดับปืนไฟและดินปืนได้ดี และตามด้วยบทเฉพาะของแต่ละประเภทของวัตถุมงคล และที่สำคัญกูเสกแบบกำลังสอง คือเสกแบบเดินหน้าและถอยหลังเพื่อเป็นการเพิ่มพลังกลับร้ายให้กลายเป็นดี ยิ่งได้เสกพระฤกษ์เสาร์ห้าด้วยแล้ว ยิ่งขลังสุดๆ หลวงพ่ออาคมเป็นพระแบบโบราณ ท่านมักจะทำพระ ทำตะกรุด โดยการเสกแบบบินเดี่ยว ชาติเสือไม่ขอเนื้อใครกินเสมอมา แต่พอตอนหลังมีพวกเซียนพระหรือพวกศูนย์พระเครื่อง มาสร้างพระให้วัดเพื่อช่วยวัดหารายได้ พวกนี้เลยจัดให้มีการพุทธาภิเษกขึ้นโดยนิมนต์พระดังๆเข้าร่วมเสกด้วยเพื่อที่คนจะได้เช่าพระมากๆ เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักหลวงพ่ออาคม พูดง่ายๆก็คือ ชื่อเสียงของหลวงพ่ออาคมยังไม่ติดตลาด เลยต้องอาศัยชื่อเสียงพระดังๆในยุคนั้นเข้าร่วมด้วย ซึ่งจริงๆแล้วหลวงพ่ออาคมท่านเคยบอกเสมอมาว่า ลำพังข้าคนเดียวก็พอแล้วไม่ต้องเอาใครมาเพิ่มหรอกเสียเวลาเปล่าๆ หลวงพ่ออาคมพูดแบบนี้เหมือนมีนัยยะที่ว่า ท่านก็เก่งไม่แพ้พระเกจิอาจารย์ท่านอื่นหรอก เพียงแค่คนที่ไม่รู้จักท่านก็เพราะไม่เคยเป็นศิษย์อาจารย์กันมา แต่ถ้าใครก็ตามที่เคยเป็นศิษย์ข้ามาตั้งแต่อดีตชาติ ถึงเวลาแล้วเขาจะมาเอาของของเขาเอง เพราะของทุกชิ้นที่ข้าทำนั้นมีเจ้าของที่แท้จริงทุกชิ้น เวลาข้าเสกพระหรือตะกรุดแต่ละที ข้าเชิญมาหมดทั้งครูบาอาจารย์ของข้าทุกพระองค์ เทวดาทุกชั้นฟ้า ของๆข้าทุกชิ้นจึงหาค่าไม่ได้เมื่อเทียบกับเงินทอง ต่อไปวันข้างหน้าคนจะถามหากันทั้งเมือง แล้วเอ็งคอยดู......................

พระกริ่งมหาอาคม.....สุดยอดแห่งความขลัง.

มีวัตถุมงคลอยู่แบบหนึ่งที่หลวงพ่ออาคมมักบอกแก่ศิษย์ใกล้ชิดที่นับถือท่านอยู่เสมอว่า เป็นของที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ขลังที่สุด และน่าใช้ที่สุด และจะฝากไว้คู่แผ่นดินสยามสืบไป...วัตถุมงคลประเภทนั้นของท่านก็คือ.....พระกริ่ง....มหาอาคม....เป็นรุ่นแรกและรุ่นเดียวในชีวิตของท่านที่สร้างพระกริ่งขึ้น ซึ่งท่านบอกว่าจะเสกให้ดีที่สุดในชีวิตเพราะพระกริ่งนั้นสร้างยากและเป็นของสูง ถ้าไม่มีบารมีพอแล้วคงยากที่จะสร้าง สำหรับชนวนและมวลสารที่ใช้ในการสร้างพระกริ่งนั้นท่านได้จารแผ่นยันต์ต่างๆที่เป็นยันต์บังคับในการสร้างพระกริ่งและได้ขอความเมตตาจากพระเกจิอาจารย์ดังๆในการช่วยจารแผ่นยันต์เพื่อใช้เป็นชนวนในการหล่อพระกริ่ง และที่สำคัญหลวงพ่ออาคมยังจารยันต์คู่ชีวิตอันลือลั่นของท่านใช้เป็นชนวนมวลสารด้วยครับ การสร้างพระกริ่งมหาอาคมรุ่นแรกและรุ่นเดียวของท่านนี้ ท่านเปิดให้คนที่ศรัทธาและประชาชนทั่วไปได้ทำการสั่งจองกันได้ที่วัดดาวนิมิตและที่สำนักงานนิตยสาร ?พุทธคุณ? โดยปิดสั่งจองในวันที่ 25 มีนาคม 2539 และรับพระกริ่งได้ในวันที่ 30 เมษายน 2539 โดยมียอดการสร้างพระกริ่งทั้งหมดดังนี้ 1) พระกริ่งเนื้อทองคำ สร้างตามจำนวนสั่งจอง ราคาจอง องค์ละ 15,000 บาท 2) พระกริ่งเนื้อเงิน สร้างตามจำนวนสั่งจอง ราคาจององค์ละ 599 บาท ซึ่งทั้งพระกริ่งเนื้อทองคำและเนื้อเงินนั้น จะมีหมายเลขกำกับพร้อมจัดทำประวัติรายนามของผู้สั่งจองเก็บไว้ที่วัดทุกหมายเลขเนื่องจากเป็นการจัดสร้างรุ่นแรกและรุ่นเดียวของพระกริ่งมหาอาคม และที่สำคัญใต้ฐานของพระกริ่งเนื้อทองคำและเนื้อเงิน ได้บรรจุผงวิเศษที่หลวงพ่อลบเองตลอดจนเกศาของท่านด้วยครับ 3) เนื้อนวโลหะ สร้าง 2,572 องค์ ราคาจองในสมัยนั้น 399 บาท ครับ 4) เนื้อตะกั่วเก่า ซึ่งเป็นตะกั่วฤาษีและตะกั่วกรุนาดูรเทเองโดยหลวงพ่อมหาอาคม ซึ่งสร้างจำนวนน้อยมากๆ หลวงพ่อมักจะแจกศิษย์ใกล้ชิด สำหรับวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างพระกริ่ง เพื่อสมทบทุนสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่และตกแต่งพระอุโบสถให้สำเร็จลุล่วง โดยหลวงพ่อมหาอาคมปลุกเสกเดี่ยวแบบชาติเสือไม่ขอเนื้อใครกิน ในวันมหาสงกรานต์ 13 เมษายน 2539 และเสกบินเดี่ยวเรื่อยไปจนกว่าจะถึงวันรับพระ โดยท่านมักเน้นย้ำบอกกับศิษย์ที่ศรัทธาท่านเสมอมาว่า มึงมีพระกริ่งของกูองค์เดียวก็พอแล้ว กูลงทุกอย่างไว้ครบหมด ทั้งบทคู่ชีวิต มหาอุดหยุดปืน บทปืนแตก กันอาถรรพย์ ส่งเสริมดวงชะตา เมตตาค้าขาย แคล้วคลาดกำบัง และที่สำคัญท่านใส่แผ่นยันต์คู่ชีวิตไปมากที่สุดจำนวนเป็นร้อยๆแผ่น เพราะท่านบอกว่าพระกริ่งกูสร้างเพียงครั้งเดียว กูต้องทำให้ดีที่สุดในชีวิต พวกมึงคอยตามเก็บกันให้ดีๆก็แล้วกันอีกหน่อยพวกมึงไม่ต้องไปหากัน สำหรับประสบการณ์ของพระกริ่งรุ่นนี้นั้น มีประสบการณ์มากเหลือเกิน โดยเฉพาะเรื่องแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุบนท้องถนนและคุ้มครองสูงส่งจริงๆ เคยมีคนเคยคล้องพระกริ่งเนื้อนวโลหะของท่านแล้วโดนจ่อยิงในระยะประชิด 3 นัดซ้อน แชะ แชะ แชะ ไม่มีออกสักนัด ตลอดจนพระกริ่งสามารถอารธนาทำน้ำพุทธมนต์ขับไล่ภูตผีปีศาจและสิ่งอัปมงคลทั้งปวงได้ชงัดนัก โดยส่วนตัวของผมเองยังคล้องพระกริ่งรุ่นแรกเนื้อเงินของหลวงพ่อมหาอาคมอยู่ตลอดเวลาเลยครับ เพราะคล้องแล้วรู้สึกดีเหลือเกิน อุปสรรคต่างๆก็แก้ไขผ่านไปได้ด้วยดีมาตลอด ด้วยพุทธานุภาพในองค์พระกริ่งที่หลวงพ่อได้บรรจุไว้ เชื่อผมเถอะครับแต่ก่อนไม่มีคนรู้จักคุณค่าของพระกริ่งหลวงพ่ออาคม เพราะไม่รู้ว่าพระกริ่งของท่านนั้นมีดีอย่างไร เด็ดขาดและแน่นอนแค่ไหน เรียกว่าดีทั้งนอกและใน คือเนื้อหาและมวลสารในองค์พระกริ่งก็สร้างมาจากแผ่นโลหะและพระยันต์ศักดิ์มากมายแถมยังได้สุดยอดพระอภิญญาที่มีบารมีในการเสกพระแบบมหาอุดหยุดปืนด้วย แถมพระกริ่งก็ปลุกเสกแบบกลเม็ดกำลังสองสุดยอดพิสดารหาใครเหมือนได้ไม่มี จึงทำให้พระกริ่งรุ่นแรกและรุ่นเดียวของท่าน เรื่องกลับร้ายกลายเป็นดีนั้น เด็ดขาดและแน่นอนสุดๆจริงๆ แล้วท่านละวันนี้ไม่หาพระกริ่งมหาอาคมรุ่นแรกไว้บูชาสักองค์หรือครับ


หัวข้อ: Re: ปรากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร "
เริ่มหัวข้อโดย: บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน ที่ 15 มิถุนายน 2554, 13:07:19
ภาคปฏิปทาและปาฏิหาริย์หลวงพ่อมหาอาคม ตอนที่ 6

ภาคปฏิปทาและปาฏิหาริย์
หลวงพ่อมหาอาคมวัดดาวนิมิต ต.ซับสมอทอด อ.บึงสามพัน  จ.เพชรบูรณ์
เจ้าของตะกรุดคู่ชีวิตอันลือลั่น และ เหรียญรุ่นแรกปืนแตกสะท้านปฐพี ตอนที่ 6
                                                                                                                                               
โดย กริชภารตะ


    วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เราเขียนภาคปฏิปทาและปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อมหาอาคมถึงตอนที่ 6 แล้วหรือ วันนี้เริ่มมีศิษย์หลวงพ่อมหาอาคมเพิ่มมากขึ้นครับ แต่ก่อนคนเพชรบูรณ์หรือเซียนพระแถวเพชรบูรณ์เวลาเจอพระหรือวัตถุมงคลของหลวงพ่อมหาอาคม มักมีคำถามตามมาเสมอว่าเขาเล่นหากันหรือของหลวงพ่ออาคม? หลวงพ่ออาคมมีคนตามเก็บพระท่านอยู่หรือ? ซึ่งคำถามเหล่านี้แต่ก่อนมักได้ยินเสมอมา แต่ปัจจุบันคำถามเหล่านี้เริ่มจางหายไป ตรงกันข้ามมีแต่คนถามหากันทั้งเมือง บางคนได้อ่านประวัติตลอดจนปฏิปทาของหลวงพ่ออาคมแล้วเกิดศรัทธาแรงกล้าลงทุนขนาดขับรถจากยะลามากราบสรีระท่านที่วัดดาวนิมิตก็มี หรืออยากจะมาเช่าหาพระเครื่องของท่านที่วัดดาวนิมิตก็มี มีพี่ท่านหนึ่งได้นำเอาตะกรุดของหลวงพ่ออาคมไปลองยิงกันให้เห็นความขลังในพุทธคุณกันไปเลยครับ พี่ท่านนี้ลองยิงตะกรุดหลวงพ่อดังๆมาก็มากครับ ขนาดตะกรุดราคาดอกละเป็นหมื่นพี่แกก็ยิงมาแล้ว นัดเดียวกระจุยครับ ก็มีแต่ของหลวงพ่ออาคมนี่ละครับที่แน่นอนที่สุดตั้งแต่พี่แกเคยยิงมา ขนาดบางดอกเป็นเกจิยุคเก่าดังระดับประเทศ โป้ง นัดเดียวขาดครึ่งเลยครับ อันนี้ก็โปรดใช้ดุลยพินิจในความเชื่อของแต่ละบุคคลนะครับ ไม่ได้ปั่นกระแสใดๆเพราะผมเขียนจากเรื่องจริงไม่ได้อิงนิยายใดๆ มีหลักฐานที่สามารถนำมาพิสูจน์และยืนยันได้แน่นอนครับ เขียนเกริ่นมาซะยาวเลยครับ เรามาเริ่มเข้าสู่ ตอนที่ 6 กันเลยดีกว่าครับ.......

พระยันต์คู่ชีวิต(พระพุทธเจ้าห้ามอาวุธ)

มีหลายๆท่านเหลือเกินที่สอบถามมายังผมว่า ในตะกรุดคู่ชีวิตของหลวงพ่ออาคมนั้นท่านจารยันต์อะไรลงไปในตะกรุดและท่านเรียนวิชาการทำตะกรุดคู่ชีวิตมาจากพระอาจารย์ท่านไหนหรือ ผมเชื่อว่าหลายๆท่านคงจะคิดว่าหลวงพ่ออาคมนั้น ท่านเรียนวิธีการสร้างตะกรุดคู่ชีวิตมาจากหลวงพ่อทบแห่งวัดชนแดนเป็นแน่แท้เลยเพราะเห็นเขาพูดกันว่าหลวงพ่ออาคมเป็นศิษย์ของหลวงพ่อทบ ซึ่งถ้าท่านคิดเช่นนั้นถือว่าท่านคิดผิดนะครับ เพราะจากประวัติของท่านที่ได้เล่าให้ลูกศิษย์ฟังท่านบอกว่าได้เรียนวิชาการทำตะกรุดคู่ชีวิตมาจากหลวงพ่อใช้แห่งจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งหลวงพ่อใช้รูปนี้เป็นศิษย์สายหลวงพ่อแช่มแห่งวัดฉลองจังหวัดภูเก็ตครับ ส่วนยันต์ในตะกรุดคู่ชีวิต ยันต์ที่จารเขาเรียกว่า ยันต์อสิสัตติ หรือ ยันต์พระพุทธเจ้าห้ามอาวุธครับ ยันต์นี้คนสมัยก่อนมักจะเรียกว่ายันต์คู่ชีวิต คือมีอยู่แล้วชีวิตอยู่คง สำหรับยันต์นี้มีอยู่แล้วตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นราชธานี เป็นยันต์ชนิดหนึ่งที่บรรจุอยู่ในตำราพิชัยสงคราม ซึ่งได้ระบุไว้ว่าเป็นยันต์ชั้นสูงหาค่าประมาณมิได้ เกจิอาจารย์ยุคเก่าทั้งภาคกลางและภาคเหนือใช้กันมาก หลวงพ่อดังๆ เช่น หลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่า , หลวงพ่อเรือง วัดบ้านดง , หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน , หลวงพ่อน้อย วัดป่ายางนอก , หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง และหลวงพ่อเตียง วัดเขาลูกช้าง เป็นต้น ซึ่งพระเกจิอาจารย์ที่กล่าวมานี้แต่ละท่านใช้ยันต์นี้ลงตะกรุดกรณีที่เป็นตะกรุดดอกสำคัญ จากตำราสมุดข่อยของ หลวงพ่อเรือง วัดบ้านดง อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ได้เขียนไว้ว่า ยันต์นี้ลงตะกรุดไม่ต้องเสกยิงเอาเถิด จะเห็นได้ว่ายันต์นี้มีอานุภาพทางคงกระพันเพียงใด ขลังเพียงใด
สำหรับพระคาถาที่ลงในตารางทั้ง 4 มุม เขียนไว้ว่า อะสิสัตติธะนูเจวะ สัพเพเตอาวุธานิจะ ภัคคะภัคคาวิจุณณานิ โลมังมาเมนะผุสสันติ ส่วนบางท่านเรียกยันต์นี้ว่ายันต์พระพุทธเจ้าห้ามอาวุธ เพราะเป็นคาถาตอนที่พระพุทธเจ้าถูกนายขมังธนูที่พระเจ้าอชาติศัตรูส่งมารอบยิง แต่ด้วยพุทธบารมีปรากฏว่านายขมังธนูไม่สามารถง้างธนูยิงได้ จนนายขมังธนูได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าและยอมรับพระไตรสรณคมในที่สุด สำหรับการลงอักขระในพระคาถาหมวดนี้ มีการลงอักขระแบบลงสลับไปมาในช่องต่างๆไม่ได้เรียงกันอย่างการอ่านแบบธรรมดา เรียกว่าเป็นกลบทนั้นเอง คาถานี้ใช้เป็นคาถาหลักในการปลุกเสกตะกรุดรวมทั้งการอาราธนาใช้
ถ้าใครเคยเห็นอักขระด้านหลังเหรียญคู่ชีวิตของหลวงพ่ออาคม ท่านจะเห็นอักขระยันต์คู่ชีวิตแบบเต็มๆเลยครับ ซึ่งถ้าท่านใดหาตะกรุดคู่ชีวิตแท้ๆของหลวงพ่ออาคมไม่ได้ก็ลองหาเหรียญคู่ชีวิตของหลวงพ่ออาคมมาใช้ทดแทนกันได้นะครับ เพราะท่านเคยกล่าวไว้ว่า เหรียญคู่ชีวิตหนึ่งเหรียญมีพุทธคุณเทียบเท่าตะกรุดคู่ชีวิต 1 ดอกครับ ก็ขอจบเกี่ยวกับยันต์คู่ชีวิตเพียงเท่านี้ครับ..............


ตะกรุดคู่ชีวิตน้อย ปี 2531อันลือลั่นสะท้านภพ


มีตะกรุดชุดเล็กอยู่หนึ่งประเภทที่สร้างชื่อให้กับหลวงพ่อมหาอาคมวัดดาวนิมิตจนโด่งดังและเริ่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในสมัยนั้น นั้นคือ ตะกรุดคู่ชีวิตน้อย ปี 2531 ซึ่งจริงๆแล้วท่านสร้างก่อนปี 2531 ด้วยซ้ำไป แต่ท่านนำออกมาแจกเป็นทางการพร้อมตะกรุดคู่ชีวิตขนาดใหญ่เมื่อปี 2531 ครับ ในงานทอดผ้าป่าครับ และทยอยแจกเรื่อยมาจนถึงงานทอดผ้าป่าปี 2534 อีกด้วยครับ เรียกได้ว่าแจกเรื่อยๆจนกว่าจะหมดครับ เพราะแต่ก่อนคนยังไม่รู้จักหลวงพ่ออาคมครับ และผมเคยนำตะกรุดชุดนี้มาเผยแพร่อยู่จำนวนหนึ่งครับ ปัจจุบันค่อนข้างจะหายากและราคาเช่าหาค่อนข้างจะแพงครับ เป็นตะกรุด 1 ใน 3 ของตะกรุดหลวงพ่ออาคมที่ศิษย์สายตรงควรจะมี และ ถ้าใครมีตะกรุดคู่ชีวิตน้อยไว้ในครอบครอง กรุณาเก็บเอาไว้ให้ดีๆนะครับเชื่อผม เพราะวันนี้หายากเหลือเกิน ยันต์ที่จารในตะกรุดก็คือหัวใจยันต์คู่ชีวิตครับ ผมเคยคลายตะกรุดคู่ชีวิตน้อยมา 1 ดอก อักขระที่จาร แทบจะอ่านไม่ออกและมองแทบไม่เห็น ต้องใช้กล้องส่องพระค่อยๆมองที่ละจุดถึงจะมองเห็นครับ ผมได้ไปสอบถามศิษย์หลวงพ่อยุคเก่าๆของหลวงพ่ออาคมหลายๆท่านบอกว่า หลวงพ่ออาคมท่านจารยันต์คู่ชีวิตด้วยปราณ คือกลั้นใจจารหัวใจอักขระคู่ชีวิตภายในอึดใจลมเดียว ฉะนั้นท่านต้องจารให้พอดีกับหนึ่งอึดลม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ยากมากๆครับ เพราะเวลาจารต้องภาวนาไปด้วยจารไปด้วย ซึ่งถ้าใครไม่เคยผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีรับรองว่าไม่สามารถที่จะทำได้แน่นอนครับ เราลองมาอ่านบทความที่ผมเคยเขียนเกี่ยวกับตะกรุดคู่ชีวิตน้อยดูครับ แต่ผมได้มีการปรับปรุงสำนวนและข้อมูลบางอย่างให้ถูกต้องขึ้นครับ........................

เมื่อปี พ.ศ. 2534 ได้มีคณะญาติโยมจากกรุงเทพมหานครได้นำผ้าป่ามาทอดที่วัดดาวนิมิต และในงานทอดผ้าป่าในครั้งนี้ก็มี ทั้งคนจากกรุงเทพและคนแถบใกล้วัดได้มาร่วมงานกัน ซึ่งในงานทอดผ้าป่าครั้งนี้หลวงพ่ออาคมได้นำตะกรุดชนิดต่างๆมาแจกญาติโยมด้วยครับ ใครทำบุญ 10,000 บาท จะได้ตะกรุดคู่ชีวิตแบบพิเศษ (หลวงพ่อเคยบอกว่าตะกรุดดอกพิเศษนี้ มีแผ่นทองคำด้วยอยู่หนึ่งแผ่น) ส่วนใครทำบุญ ระหว่าง 1,000-5,000 บาท จะได้ตะกรุดคู่ชีวิตขนาดกลางและแบบดอกสีทอง หรือไม่ก็ตะกรุดหนังเสือแบบ 2.5-3.0 นิ้ว ส่วนตะกรุดหนังเสือแบบจัมโบ้ แจกเฉพาะประธานสายหรือไม่ก็พวกที่มีอุปการคุณช่วยเหลือภายในงานจนหลวงพ่ออาคมพอใจก็จะได้รับไป สำหรับตะกรุดคู่ชีวิตน้อยนั้นท่านจะแจกให้พวกที่เป็นกรรมการทอดผ้าป่าครับ ซึ่งผมจำได้ดี แต่ก่อนผมเคยได้ไว้ในความครอบครองอยู่หลายดอกครับ ระหว่างที่หลวงพ่ออาคมกำลังแจกตะกรุดคู่ชีวิตน้อยให้แก่บรรดาญาติโยมที่เป็นกรรมการอยู่ ก็มีบุคคลท่านหนึ่งได้เอ่ย วจีถามหลวงพ่ออาคมด้วยความสงสัยว่า หลวงพ่อครับ ตะกรุดดอกเล็กๆแบบนี้ดีอย่างไรครับ ซึ่งหลวงพ่ออาคมของเราก็ตอบแบบมั่นใจว่าตะกรุดกูยิงไม่ออก เท่านั้นแหล่ะครับ บุคคลดังกล่าวก็ได้ลุกเดินออกไปจากศาลาพร้อมกับเพื่อนที่ติดตามไปด้วย ในมือถือตะกรุดคู่ชีวิตน้อยที่เพิ่งได้รับมาจากมือหลวงพ่ออาคมไปด้วย ซึ่งมาทราบภายหลังว่าคณะของบุคคลดังกล่าวฯเป็นตำรวจแถบอำเภอบึงสามพันนั้นเอง เมื่อพ้นสายตาใครต่อใครและหาที่อันพอเหมาะแล้ว บุคคลดังกล่าวพร้อมคณะผู้ติดตามได้โยนตะกรุดดอกน้อยลงสู่พื้นดินโดยไม่มีการกล่าวอาราธนาหรือขอขมาแต่ประการใด พร้อมกับฝักเขี้ยวเล็บประจำกาย .38 รีวอลโว่ จ่อไปที่ตะกรุดคู่ชีวิตน้อยทันที แชะ! แชะ! แชะ! แชะ! แชะ! แชะ! ไม่ออกสักนัด แต่เมื่อหันปากกระบอกปืนไปทางทิศทางอื่นที่พ้นตัวตะกรุด เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เสียงดังกัมปนาทไปทั่วบริเวณวัด ผู้คนภายในศาลาต่างหันมามองในทิศทางที่เกิดเสียงขึ้น สักพักกลุ่มชายคนดังกล่าวได้เดินเข้าไปที่ศาลาพร้อมก้มลงกราบที่แทบเท้าหลวงพ่ออาคม แล้วบอกหลวงพ่ออาคมว่า ?ผมเชื่ออย่างที่หลวงพ่อบอกแล้วครับว่าตะกรุดหลวงพ่อยิงไม่ออก? พอท่านรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ท่านก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองหน้ากลุ่มชายดังกล่าวด้วยความสังเวชใจ

ตั้งแต่วันนั้นมา หลวงพ่ออาคมไม่เคยแจกตะกรุดชุดนี้กับคนในแถบพื้นที่บึงสามพันอีกเลย ถ้าใครมีคงอาจจะได้รับก่อนเกิดเหตุการณ์นี้เพราะท่านเริ่มแจกตะกรุดชุดนี้ ก่อนปี 2531 และแจกเรื่อยๆมา จนมาหมดเมื่อปี 2534 (เฉพาะตะกรุดคู่ชีวิตน้อยนะครับที่หมด) แน่นอนว่าใครๆก็ต่างอยากจะได้ไว้ครอบครองก็หลายๆคนเห็นมากับตาตนเองว่ายิงไม่ออกจริงๆ หลังจากงานทอดผ้าป่าเสร็จสิ้นลง หลวงพ่ออาคมท่านได้พูดกับลูกศิษย์ใกล้ชิดว่า ?พวกมันดูถูกกู ดูถูกครูบาอาจารย์กู? ตะกรุดคู่ชีวิตน้อยจึงมักตกอยู่ในความครอบครองของศิษย์แถบกรุงเทพฯและศิษย์ชาวต่างประเทศ นี่ยังไม่รวมกับประสบการณ์ที่เขาลองยิงด้วย ปืนขนาด 11 มม. อีกนะครับ ขนาดที่ว่ายิงไปสับไกไป เพราะลูกปืนขัดลำกล้องหมด สำหรับตะกรุดคู่ชีวิตน้อยนี้ เคยมีคนสู้ราคาดอกละ 5,000 บาท มาแล้วนะครับ เพราะจากประสบการณ์และความหายากและที่สำคัญเรื่องปืนนั้นเด็ดขาดและแน่นอนจริงๆ เรียกได้ว่า ถึงยิงก็ไม่ออก ถึงออกก็ไม่โดน ถึงโดนก็ไม่เข้า สาเหตุที่ตะกรุดคู่ชีวิตน้อยมีประสบการณ์เล่าขานกันมาก คงเป็นเพราะตะกรุดมีขนาดกำลังดี แค่ประมาณ 2.5 นิ้ว พกพาไปไหนได้สะดวก ไม่เหมือนขนาด 4.5 นิ้ว ที่ไม่เหมาะจะคาดเอวหรือพกพาเพราะขนาดที่ยาวและใหญ่จนเกินไป เลยทำให้คนนิยมพกพาแบบขนาด 2.5 นิ้ว เลยทำให้คนที่พกพาได้พบกับประสบการณ์อันแปลกๆหลายๆอย่าง จนเล่าขานกลายเป็นตำนานตะกรุดคู่ชีวิตของหลวงพ่อมหาอาคม ตราบมาเท่าทุกวันนี้


คาถาอาราธนาตะกรุดหลวงพ่ออาคมทุกชนิด


มีคาถาอยู่บทหนึ่งที่ผมเคยได้รับการถ่ายทอดมาจากศิษย์ใกล้ชิดของหลวงพ่ออาคม ซึ่งจริงๆแล้วผมได้รับปากกับผู้ประสิทธิคาถาบทนี้ให้ผมว่าจะไม่ยอมถ่ายทอดให้คนอื่นเด็ดขาด แต่มาวันนี้ผู้ที่ถ่ายทอดคาถาบทนี้ให้ผมได้เสียชีวิตลงแล้ว ผมคิดว่าถ้าผมตายไปคาถาบทนี้คงจะสาบสูญและหายไปกับผมจนกลายเป็นตำนานไปครับ วันนี้ผมจึงขอถ่ายทอดคาถาบทนี้ให้แด่บรรดาศิษย์หลวงพ่ออาคมแห่งวัดดาวนิมิตทุกท่านได้ท่องจดจำให้ขึ้นใจ ใช้เป็นคาถาอาราธนาตะกรุดและพระเครื่องของหลวงพ่ออาคมได้ทุกชนิดครับ คาถาบทนี้มีค่าประมาณค่าไม่ได้ใครได้ไปให้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้าของคาถาและหลวงพ่อมหาอาคมแห่งวัดดาวนิมิตครับ คาถาบทนี้เป็นแบบเต็มสูตรครับ เรียกว่านำ คาถา 3 บท มารวมเป็นบทเดียวกันครับ ห้ามถามว่ามีคาถาบทอะไรบ้าง เพราะเป็นเคล็ดของการถ่ายทอดครับ ให้ไปถามผู้รู้เอาเอง ผมเป็นคนถ่ายทอดเขาห้ามบอกครับ แต่คนที่พอจะมีความรู้เรื่องคาถาบ้าง อ่านทีเดียวก็รู้แล้วครับว่ามีบทไหนบ้าง.....ดังต่อไปนี้

ตั้ง นะโม 3 จบ แล้วว่าคาถาดังนี้
นะโมพุทธายะฯ จะภะกะสะ สะกะภะจะฯ อิติปิโส ภะคะวาติฯ
ไตรสระณาคมฯ อะสังอิสุโลปุสะพุภะฯ อิสวาสุ สุสวาอิฯ เมตัญจะ
สัพพะโลกัสสมิงฯ อะสิสัตติธะนูเจวะ สัพเพเตอาวุธานิจะ
ภัคคะภัคคาวิจุณณานิ โลมังมาเมนะผุสสันติฯ

ก็ขอให้ทุกท่านได้จดจำไว้ท่องกันนะครับ ผมกริชภารตะ ได้ทำหน้าที่เผยแพร่คาถาในการอาราธนาวัตถุมงคลของหลวงพ่ออาคม แห่งวัดดาวนิมิต ให้แล้วนะครับ เสก 3 จบนะครับ แล้วกลั้นใจเป่าไปที่วัตถุมงคลของหลวงพ่ออาคม เสร็จแล้วนำคล้องคอหรือคาดเอวครับ สาธุ


หัวข้อ: Re: ปรากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร "
เริ่มหัวข้อโดย: บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน ที่ 15 มิถุนายน 2554, 13:08:37
ภาคปฏิปทาและปาฏิหาริย์หลวงพ่อมหาอาคม ตอนที่ 7

ภาคปฏิปทาและปาฏิหาริย์หลวงพ่อมหาอาคมวัดดาวนิมิต
ต.ซับสมอทอด อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์
เจ้าของตะกรุดหนังเสือสะท้านภพอันลือลั่น ตอนที่  7
โดย  กริชภารตะ

       สวัสดีครับพี่ๆน้องๆทุกท่าน  และบรรดาศิษย์หลวงพ่อมหาอาคมทุกๆคน  และแล้ว  ตอนที่  7  ก็มาแล้วครับคิดว่าหลายๆท่านคงจะคอยติดตามกันอยู่นะครับ  ซึ่งการเขียนภาคปฏิปทาและปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อมหาอาคมในแต่ละตอนนั้น  ต้องใช้เวลาในการหาข้อมูลและกลั่นกรองเป็นเนื้อหาให้ได้ใจความที่สมบูรณ์มากที่สุด  อ่านเข้าใจง่ายและกระชับ  กว่าจะได้ในแต่ละตอนนั้นต้องใช้เวลาครับ  ฉะนั้นบางตอนต้องรอกันเป็นเดือนก็มีครับและที่สำคัญผมต้องพอมีเวลาเขียนด้วยครับ  เนื่องจากภาระหน้าที่การงานที่ค่อนข้างจะรัดตัว เลยทำให้การเขียนในแต่ละตอนช้าไปบ้างนะครับ  คิดว่าทุกๆท่านคงจะเข้าใจนะครับ  เอาละครับเราลองมาอ่านตอนที่  7  กันเลยครับ  ว่ามีอะไรกันบ้างที่ชวนให้ท่านติดตามกัน  โดยกริชภารตะ  เจ้าเดิม

ข้อห้ามในการใช้ตะกรุดและวัตถุมงคลทุกชนิดของหลวงพ่ออาคม
   มีหลายๆท่านเหลือเกินที่สอบถามมายังผมว่า ตะกรุดของหลวงพ่ออาคมและวัตถุมงคลของท่านนั้นมีข้อห้ามอะไรบ้าง ซึ่งบางคนเคยไปเช่าตะกรุดกับหลวงพ่ออาคมที่วัดในสมัยที่ท่านยังไม่มรณภาพ ซึ่งเขาบอกว่าหลวงพ่ออาคมสั่งห้าม ไม่ให้คนที่บูชาตะกรุดของท่านกินพวก ฝัก แฝง ตำลึง บวบ หรือรอดไม้ค้ำกล้วย หรือสะพานตาเดียวอะไรทำนองนั้น บางคนบอกว่าหลวงพ่อเคยพิมพ์เป็นใบกระดาษแจกให้แก่ผู้บูชาตะกรุดเลยก็มี ซึ่งผมว่าข้อห้ามเหล่านี้ น่าจะเป็นของคนที่สักยันต์หรือลงอักขระเลขยันต์เสียมากกว่าครับ
   วันนี้ผมเลยขออธิบายถึงข้อห้าม 3 ข้อ ที่ได้ยินมาจากปากของหลวงพ่ออาคมให้ศิษย์หลวงพ่ออาคมทุกๆท่านได้จดจำกันเลยครับ ซึ่งมีด้วยกันแค่ 3 ข้อเท่านั้น ส่วนใครจะเชื่อหรือจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ท่านนะครับ เรามาดูข้อห้ามของหลวงพ่ออาคมกันเลยนะครับ
   ข้อที่ 1  ห้ามด่าบุพการีของตนเองและของผู้อื่น
   ข้อที่ 2 ห้ามเป็นชู้กับภรรยาหรือสามีของผู้อื่น
   ข้อที่ 3 ซึ่งเป็นข้อห้ามที่หลวงพ่อบอกว่าสำคัญที่สุดครับ คือ ห้ามลืม .....เดี๋ยวจะหายครับ....อันนี้ผมว่าจริงและเห็นด้วยกับหลวงพ่ออาคมเป็นอย่างยิ่งครับ เพราะบางคนเวลาอาบน้ำหรือทำภารกิจส่วนตัว มักจะถอดวัตถุมงคลต่างๆ เช่น พระเครื่อง หรือพวกตะกรุดออกจากตัว บางครั้งก็ลืมไว้ในที่ต่างๆบ้าง ซึ่งถ้าเป็นที่บ้านเราก็คงจะไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นตามโรงแรมหรือสถานที่ที่เราไปพักแค่ชั่วครั้งชั่วคราว รับรองว่า...หายแน่ๆ....ครับ....
   ส่วนข้อห้ามอย่างอื่นผมไม่เคยเห็นหลวงพ่ออาคมท่านเอ่ยถึงครับ.....หลวงพ่ออาคมเคยบอกกับผมเองว่า...ของดีอยู่ที่ไหนก็เป็นของดี กูเสกเป็นเดือนเป็นปี กับแค่รอดลาวตากผ้าทีเดียวแล้วจะเสื่อม งั้นเขาจะเรียกว่าของดีกันหรือ...พวกมึงอย่าคิดมาก.....ครับ...ผมก็ได้อธิบายถึงกฎข้อห้ามทั้ง 3 ข้อ ที่หลวงพ่ออาคม เคยบอกไว้แล้วนะครับ ก็ขอให้ท่านที่มีวัตถุมงคลและตะกรุดของท่านพึงปฏิบัติให้ได้นะครับ.....ของๆท่านไม่มีเสื่อมหรอกครับ  ผมว่าคนที่ใช้วัตถุมงคลของท่านต่างหากที่เสื่อม เสื่อมทั้งทางกาย วาจาและใจ และผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า ไม่มีใครที่อยู่เหนือกฎแห่งกรรมไปได้ครับ  เมื่อถึงเวลาตาย ต่อให้มีของดีแค่ไหน ท่านก็ต้องดับและเป็นไปตามกฎแห่งกรรมครับ.................เพราะไม่มีใครใหญ่กว่าฝาโลงครับ

ทองแท้ย่อมไม่แพ้ไฟ
   ในยุคปี พ.ศ. 2530 ขึ้นมานั้น  มีพระเกจิอาจารย์หลายๆรูปที่มีชื่อเสียงโด่งดังคับฟ้าอยู่มากมายหลายรูป เรียกได้ว่าทั่วทุกภาคฟ้าของเมืองไทยก็ว่าได้ พระเกจิบางองค์ชื่อเสียงดังสุดๆระดับประเทศ ขนาดมีการนำชีวประวัติลงเผยแพร่ในหนังสือพระเครื่องหลายๆเล่มกันเลยก็มี บางรูปก็ทยอยสร้างวัตถุมงคลออกมาเรื่อยๆ มีผู้คนที่ศรัทธาได้เช่าหาวัตถุมงคลของบรรดาพระเกจิอาจารย์ต่างๆในยุคนั้นตามกระแสแรงเชียร์และประชาสัมพันธ์ของทีมงานผู้สร้างวัตถุมงคลกัน....ชนิดที่เรียกว่า....ออกมากี่รุ่น.....ข้าขอจองไว้ก่อน....บางคนจองเพราะศรัทธาจะเก็บไว้บูชาและมอบให้ลูกหลานในวันข้างหน้า.....บางคนก็จองไว้เพื่อเก็งกำไรราคากันต่อไปในอนาคต............วันเวลาผ่านไป.......หลังจากที่หลวงพ่อดังๆต่างในยุคนั้นมรณภาพ....จากไป....บางรูปแม้ท่านจะมรณภาพไป...แต่ผู้คนที่ศรัทธา....ก็ยังถามหาและตามเก็บวัตถุมงคลของท่านต่อไป......เพราะของท่านใช้ดีจริงๆๆ..ศักดิ์สิทธิ์จริง.....เรียกได้ว่าท่านเก่งจริง.....แต่บางรูปซิครับ.....ตอนท่านยังไม่มรณภาพนั้น....ชื่อเสียงโด่งดังคับฟ้า....ยากจะหาใครทัดเทียม....แต่หลังจากที่ท่านมรณภาพไป....แต่ทำไมชื่อเสียงของท่านกลับเงียบหายไป.....ผู้คนไม่ยักกะถามหาวัตถุมงคลของท่านกันเลย.....ไม่เหมือนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เลย.....อันนี้แสดงว่า.....เก่งเชียร์
   สำหรับหลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิต ต.ซับสมอทอด อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ นั้น ......ในสมัยที่ท่านยังไม่มรณภาพนั้น....ชื่อเสียงและเกียรติคุณของท่านนั้นดังและเป็นที่รู้จักเฉพาะในวงแคบๆ เรียกว่าดังจากปากต่อปากในหมู่ลูกศิษย์กลุ่มเล็กๆเป็นบางกลุ่ม  ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป....บางคนอยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์หรืออยู่ในอำเภอบึงสามพันแท้ๆยังไม่รู้จักหลวงพ่อมหาอาคมเลยครับ....ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แปลกดีครับ...ว่าทำไม...หรือเพราะอะไร....ชื่อเสียงของท่านกลับถูกหลายๆคนมองข้าม.....ทั้งๆที่ท่านก็เก่งระดับสุดยอดพระอภิญญาในยุคนั้นก็ว่าได้เลยทีเดียว....ในช่วงที่ท่านยังไม่มรณภาพนั้นก็มีการนำประวัติและอภินิหารของท่านลงเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ตามหนังเสือพระเครื่องบ้าง.....แปลกแต่ไม่ดัง......มีกลุ่มศูนย์พระเครื่องเข้ามาสร้างวัตถุมงคลและช่วยวัดประชาสัมพันธ์ก็มี.....แปลกแต่ไม่ดัง.....คงเป็นเพราะพวกเขาเหล่านั้นเขียนประวัติและอภินิหารของท่านแบบ....ไม่เจาะลึกก็ว่าได้....แต่ในส่วนตัวผมว่า...เพราะบารมีของท่านรอกาลเวลาเป็นเครื่องเจียรนัยในความเก่งกล้าและศักดิ์สิทธิ์ของท่านเสียมากกว่า....หลายๆคนที่เคยได้รับวัตถุมงคลจากท่านไป...บางคนนำไปติดตัวคล้องคอหรือพกติดตัวบ้าง....จนหลายๆคนต่างได้พบเจอกับประสบการณ์และอภินิหารอันสุดวิสัยเหนือธรรมชาติในวัตถุมงคลของท่าน......ปากต่อปากเลยบอกต่อกันไป.......จนมาถึงทุกวันนี้  ทุกคนต่างยอมรับว่า  หลวงพ่อมหาอาคม  วัดดาวนิมิต  ท่านนั้นเก่งจริงไม่ได้เก่งเชียร์ เฉกเช่นกับทองแท้ที่ย่อมไม่แพ้ไฟ  ท่านกลับมีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วไป....จนวันนี้มีแต่ผู้คนถามถึงวัตถุมงคลของหลวงพ่ออาคมกัน......เหลือเกิน......เรียกได้ว่า....มาดังหลังมรณภาพ....
   ขอขอบพระคุณ......พี่มังกรฟ้า(ปุ้ย) เจ้าของเว๊บกลุ่มศิษย์หลวงพ่อทบ ที่เปิดโอกาสและให้โอกาสผมเป็นที่แรกในการนำภาคปฏิปทาและปาฏิหาริย์หลวงพ่อมหาอาคม ลงเผยแพร่บารมี  ขอขอบคุณ น้องต๊ะ เมืองนนท์ เว๊บมาสเตอร์ของเว๊บกลุ่มศิษย์หลวงพ่อทบ ที่คอยช่วยเสริมแต่งภาพและเรียบเรียงเนื้อหา และหารูปลงประกอบให้สวยงาม และคนสำคัญอีกหนึ่งท่านที่ขออนุญาตลงชื่อ คือพี่เอ คุณธนพฤทธ์ วิเศษ เจ้าของเว๊บหลวงพ่อมหาอาคม.COM ที่เปิดเว๊บของหลวงพ่อมหาอาคมขึ้นมา เพื่อเผยแพร่บารมีและยกย่องพระคุณครูบาอาจารย์  ตลอดจนเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆทุกคน ทั้งพี่ยักษ์คู่ชีวิต น้องอินมหาอุฒม์ น้องแต๊กศิษย์หลวงพ่ออาคม และท่านอื่นๆที่ไม่ได้เอ่ยนาม มา ณ ที่นี้ด้วยครับ........................................

รักยมหลวงพ่อมหาอาคม ปี 2537
  เมื่อปี พ.ศ.  2537 ซึ่งเป็นปีที่มีฤกษ์เสาร์ห้า  ในปีนี้หลวงพ่ออาคมได้ออกวัตถุมงคลด้วยกันหลายแบบหลายชนิดเพราะปีนี้เป็นปีแข็งเหมาะกับการปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆเพราะคนโบราณมีความเชื่อที่ว่าถ้าได้ปลุกเสกวัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลังในฤกษ์เสาร์ห้า  ของและวัตถุมงคลต่างๆจะไม่มีวันเสื่อม  สำหรับเครื่องรางอย่างหนึ่งที่หลวงพ่ออาคมได้นำมาปลุกเสกด้วยในพิธีเสาร์ห้านี้ นั้นก็คือ  รักยม  ซึ่งเป็นเครื่องรางที่หลายๆคนไม่เคยรู้มาก่อนว่าหลวงพ่อมหาอาคมได้เคยทำไว้  ซึ่งท่านมักจะแจกกับศิษย์ใกล้ชิดครับ 
   สำหรับตัวรักยมนั้น  ตัวรัก แกะมาจากต้นรักยืนตายพราย  ส่วนตัวยม  แกะจากต้นมะยมยืนตายพราย  แล้วนำมาลงอักขระเลขยันต์ใส่ในขวดน้ำมันจันทร์  ปลุกธาตุหนุนธาตุ  เรียกอาการ  32  จากนั้นนำเข้าพิธีเสาร์ห้าแล้วนำมาเสกเดี่ยวในกุฏิอีก  15  วัน  ครับ  ถือว่า รักยม ของท่านเป็นสุดยอดของดีที่ท่านสามารถเสกได้แบบมีตัวตนจริงๆสัมผัสได้  ซึ่งปัจจุบัน  รักยม  ของหลวงพ่ออาคมนั้นหาได้ยากยิ่ง ใครได้ไปต่างหวงแหน  ส่วนเอกลักษณ์ในการดูว่าใช่ รักยม ของหลวงพ่ออาคมหรือเปล่า  อันนี้บอกตรงๆว่าไม่มีเอกลักษณ์ใดๆยืนยันว่าใช่ รักยม  ของหลวงพ่ออาคมหรือไม่  นอกจากเป็นมรดกตกทอดหรือเคยได้รับมาจากมือหลวงพ่ออาคม 
   เมื่อปลายปี 2537 ผมเคยได้  รักยม  จากมือหลวงพ่ออาคมมา  1  ขวด  เคยพบกับประสบการณ์ของ  รักยม ของหลวงพ่ออาคมด้วยตนเอง  คือ  เคยเห็น  รักยม ของหลวงพ่อ  มายืนที่ปลายเตียงนอน  ด้วยตาเนื้อทั้งสองข้างแบบเต็ม  จนสักพัก  รักยม  ก็หายไป  และที่สำคัญไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่เห็นและสัมผัสได้  เรียกได้ว่าทุกคนภายในบ้านต่างพบกับเหตุการณ์ประหลาดๆอยู่บ่อยๆ  เช่น ได้ยินเสียงเด็กคุยกัน , ได้ยินเสียงเด็กวิ่ง ,  บางครั้งก็มาเข้าฝันคนภายในบ้านบ้าง  ที่เด็ดสุดก็คือ  เวลามีญาติหรือแขกมานอนค้างที่บ้าน  มักจะโดน  รักยม  ดึงขาบ้าง  มานั่งทับอกบ้างหรือไม่ก็ปลุกให้ตื่นครับ   จนในที่สุด  คนในบ้านต้องบอกให้เอาไปไว้วัดหรือมอบให้คนอื่นเอาไปเลี้ยง  จนในที่สุดผมก็ได้มอบให้กับคนที่นับถือกันและชอบทางด้านนี้ไป  ตั้งแต่  มอบ  รักยม  ให้คนอื่นไปก็ไม่มีเหตุการณ์แปลกๆเหล่านี้เกิดขึ้นกับคนในบ้านอีกเลยครับ
   สำหรับวิธีเลี้ยง  รักยม  นั้นก็ไม่ยุงยากเลย  เพียงแค่ก่อนนำ  รักยม  เข้าบ้านก็จุดธูปบอกศาลพระภูมิหรือจะจุดธูปบอกในห้องพระก็ได้ว่า  ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เช่น เจ้าที่เจ้าทาง  ผีบ้านผีเรือน หรืออื่นๆที่เราบูชาหรือนับถืออยู่ภายในบ้าน  ช่วยเปิดทางให้  รักยม  ได้เข้ามาอาศัยอยู่ภายในบ้านด้วย  จากนั้นก็จัดหิ้งหรือหาที่ที่เหมาะสมให้  รักยม  อยู่  และจากนั้นให้จุดธูปบอก  รักยม ในเรื่องต่างๆ เช่น  จำนวนคนที่อาศัยอยู่ภายในบ้านเรา  ว่ามีกี่คน  เป็นใครบ้าง  และบอกด้วยว่าเวลาพ่อแม่กินอะไรก็ให้กินตามได้เลย  ไม่ต้องให้เรียก  และที่สำคัญหมั่นหยอกล้อกับ  รักยม  บ่อยๆ  แล้วท่านจะเห็นผล......
   รักยม  ของหลวงพ่ออาคม  ดีเด่นทางด้านคุ้มครอง  ค้าขายเป็นเมตตามหานิยมและโชคลาภ  โดยเฉพาะเรื่องบนบานขอในเรื่องต่างๆนั้นเด็ดขาดสุดๆถ้าเรื่องที่ขอไม่เกินวิสัยแห่งกรรมก็มักจะประสบผลดั่งที่ขอ  เมื่อเรื่องสำเร็จดั่งที่ขอ ต้องแก้บนตามในสิ่งที่เคยบนไว้ว่าจะให้  เช่น  สร้อยคอ  ของเล่น  หรือขนม เป็นต้น.......แต่  รักยม  ของหลวงพ่ออาคม  ไม่เหมาะกับคนกลัวผีนะครับ  เพราะซนและเฮี้ยนสุดๆๆๆ.และที่สำคัญ  หมั่นคอยดูน้ำมันจันทร์ในขวดนะครับ  อย่าให้แห้งเด็ดขาด เพราะน้ำมันจันทน์เป็นสื่อทางกายและวิญญาณของ  รักยม  เวลาเติมน้ำมันจันทร์  ก็เติมแค่อกหรือให้ท่วมตัวก็ได้ครับ  ไม่ผิดกติกาใดๆซึ่งแต่ก่อนคนมักเข้าใจผิดว่า  ถ้าเติมน้ำมันจันทน์ท่วมตัว  รักยม  แล้วจะทำให้  รักยม  ตายเพราะหายใจไม่ออก  ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงครับ  เพราะ  รักยม  ของหลวงพ่ออาคม ท่านก็ใส่น้ำมันจันทร์ท่วมตัว  รักยม  มาแต่เดิมเลยครับ.....................จิเจรุนิ  จิตตัง  เอหิสิกังรูปัง  รักยม  ลูกพ่อ  จงมา  เอหิปิยังมะมะมา......................
   (เกี่ยวกับ  รักยม  ของหลวงพ่ออาคมนี้  มีหลายคนขอร้องให้ผมเขียนให้หน่อย  เพราะหลายคนสนใจกันครับ  ซึ่งใครอยากได้ไว้บูชาก็ลองๆหากันเอาเองนะครับ  แม้แต่ตัวผมเองยังต้องไปตามเช่าหามาบูชาอีกครั้งเลยครับ  หลังจากที่เคยมีและมอบให้คนอื่นไป)


หัวข้อ: Re: ปรากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร "
เริ่มหัวข้อโดย: บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน ที่ 15 มิถุนายน 2554, 14:49:34
โชว์เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อมหาอาคมครับ


หัวข้อ: Re: ปรากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร "
เริ่มหัวข้อโดย: MaiUbon ที่ 15 มิถุนายน 2554, 18:00:42
ตัวยันต์คุ้น ๆ นะอาจารย์ ..


หัวข้อ: Re: ปรากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร "
เริ่มหัวข้อโดย: บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน ที่ 16 มิถุนายน 2554, 10:19:08
คลิปลองตะกรุดหนังเสือปี 2531 ข้อมูลอ้างอิงจากเวบไซต์ www.หลวงพ่อมหาอาคม.com

ตามคำเรียกร้องครับ คลิปลองตะกรุดหนังเสือปี 2531 หลวงพ่ออาคม หรือ หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร จ.เพรชบูรณ์ ลองยิงจริงๆไม่มีมั่วนิ่ม ไม่ต้องสร้างสถานะการณ์      

1.http://www.youtube.com/watch?v=XDryP7OVWBc
2.http://www.youtube.com/watch?v=t1sK8Ue-Cy0 (จะว่าจะต่ออีกสัก 2 นัดแต่กระสุนหมดพอดีครับเลยหยุด ไม่ใช่ยิงไม่ออกนะครับ เดี๋ยวจะตกใจกัน   )

ตะกรุดหนังเสือหลวงพ่ออาคมปี2531 ผมโดนวางยาครับ คือว่าเพื่อนผมดันทะลึ่งเอามาให้ลอง โดยไม่ยอมบอกว่าเป็นของใครซึ่งมันเอากระดาษห่อเอาไว้ครับ มันบอกว่าห้ามแกะดูลองแล้วจะรู้ว่าเจ๋งจริงๆ ผมยิงไป 3 นัด ซ้อนๆ ไม่โดน 2 นัด ส่วนอีก 1 นัดโดนเต็มๆครับ พอแกะห่อออกมาดู ตกใจมากๆไม่มีแม้แต่รอยกระสุนครับ ที่สำคัญดอกกรุดดอกนี้คือตะกรุดหนังเสือปี2531 ของหลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิต เข่าแทบทรุดครับ    ปกติถ้าผมเอาไปลองซ้ำไม่ว่าจะเป็นของเกจิใดก็ตามส่วนใหญ่ทะลุหมดครับ นี่แสดงให้เห็นถึงอานุภาพของตะกรุด ที่เขาเรียกกันว่า "ทองย่อมเป็นทอง" หลังจากที่ลองเสร็จผมก็ไปทำบุญให้หลวงพ่อท่านด้วยครับ ท่านก็คงจะทราบว่าผมไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดี ภาพอาจจะไม่สามารถระบุได้นะครับเพราะอยู่ในห่อกระดาษ แต่คนที่ยืนยันได้คือ ผม กับ พี่ชาติ ครับ (พี่ชาติคือเจ้าของสถานที่ครับ คุณยักษ์คู่ชีวิต และ คุณแต็ก ก็รู้จักนะครับ ไม่เชื่อก็ลองโทรไปถามแกได้เลยครับ ) หรือถ้าใครไม่เชื่ออยากจะลองชมบารมีดูบ้างก็ยินดีนะครับ    แต่ผมไม่ขอรับผิดชอบถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับตัวผู้ที่เอาไปลองนะครับ      


หัวข้อ: Re: ปรากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร "
เริ่มหัวข้อโดย: บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน ที่ 16 มิถุนายน 2554, 12:35:34
คลิปลองตะกรุดหนังเสือปี 2531 ภาค2
ประสบการณ์ลองยิงตะกรุดหนังเสือปี 2531 หลวงพ่ออาคม หรือ หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมัต ต.ซับสมอทอด อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ...... ประสบการณ์จริงไม่อิงนิยาย ซึ่งการลองยิงครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2ครับ

ผมขออ้างอิง ประสบการณ์ลองยิงตะกรุดหนังเสือ ของหลวงพ่ออาคม หรือ หลวงพ่อมหาอาคม ก่อนหน้านี้ผมเองก็เคยโดนเพื่อนวางยามาแล้วซึ่งเอาไปลองแบบไม่ทราบที่มาหรือไม่ทราบว่าเป็นของเกจิรูปใด และ ผมเองก็ได้ประกาศว่า ใครอยากจะลองชมบารมีให้ติดต่อผมได้เลย หลังจากนั้นก็ได้มีผู้กล้า ซึ่งเป็นเพื่อนของเพื่อนผมอีกที จะขอชมบารมีตะกรุดหนังเสือปี2531 ดูบ้าง เนื่องจากเขาส่งสัยว่าคลิปของผมดูแล้วไม่ชัดเจน เลยทำให้ไม่แน่ใจเป็นตะกรุดหนังเสือของหลวงพ่อจริงๆหรือเปล่า เป็นของที่อื่นแล้วเอามาอ้างหรือเปล่า ถึงแม้ผมจะยืนยันไปแล้วว่ามีพยายานบุคคลอ้างอิงแต่มันก็ยากที่จะทำให้ทุกๆคนมาเชื่อผมได้ทั้งหมด .....คนเราไม่สามารถห้ามกันได้ในเรื่องความคิดเห็น ต่างคนต่างก็คิดแตกต่างกันไป อันนี้ไม่ว่ากันครับ

ศิษย์มีครูบาอาจารย์อย่างผม พูดคำไหนคำนั้น ในเมื่อเขียนให้คนอื่นเอาไปชมบารมี และเมื่อมีผู้กล้าติดต่อมาขอลองบ้าง ครั้นจะไม่ให้ลอง เท่ากับว่าผมพูดไม่เป็นคำพูด ไม่มีสัจจะ แบบนี้ถือของยังไงก็ไม่ขลังครับ... ลองกัน 2 รอบแบบนี้ ภาพมีให้ชมกันแบบจะๆ คงไม่ต้องมีใครเอาไปลองอีกแล้วนะครับ ถึงอยากจะลองผมก็คงไม่ให้เอาของผมไปลองแน่นอนครับ 

เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2554 ก็เลยมีการทดสอบกันอีกครั้ง ซึ่งผู้กล้ามีทั้งหมด 2 ท่านด้วยกันนะครับ จากคลิปจะเห็นได้ว่า มีตะกรุดหนังเสือปี 2531 อยู่ 2 ดอก นะครับ เพราะผู้ลองจะผลัดกันลองครับ ตะกรุดหนังเสือปี 2531 ทั้ง 2 ดอกนี้ผมเช่ามาจากศิษย์สายตรงของหลวงพ่อครับ (พี่กริช  ภารตะ) ศิษย์สายตรง เบอร์ 1 ของโลกครับ ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยเท่านั้นนะครับ ที่ผมพูดเช่นนี้ก็เพราะว่า หลวงพ่อมหาอาคม ท่านไม่ได้มีลูกศิษย์แค่ประเทศไทยเท่านั้น ศิษย์ของหลวงพ่อที่อยู่ต่างประเทศก็มีเยอะครับ

ท่านแรก นาย ก. ขอเป็นผู้ทดสอบ ด้วยอาวุธปืนขนาด  9 มม. ของ บราวนิ่ง  เชิญชมจากคลิปที่ลิ้งดูเอาเองได้เลยครับแล้วจะทราบว่า ตะกรุดหนังเสือทะลุหรือไม่?  ส่วนชื่อและนามสกุล ของผู้ลอง เพื่อนผมขออนุญาติสงวนนามของทั้ง 2 ท่านเอาไว้นะครับ... (การลองในครั้งนี้ผมเป็นตากล้องจำเป็นครับ เป็นผู้ชมบ้างก็ดีเหมือนกันครับ ไม่มีเสียว อิอิ)

http://www.youtube.com/watch?v=kdiDFuVgbLY

เมื่อดูจากคลิปที่ผมเอาลงให้ชมกัน แบบจะๆ ชัดๆ จะเห็นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ... จากนั้นท่านที่สองนาย ข. เขาขอไม่ลองตะกรุดหนังเสือดอกที่ 2 เพราะผมบอกว่าผมเคยเอามาลองแล้ว และที่สำคัญ เนื่องจากว่า ท่านแรกที่ขอลองก่อน ไม่ธรรมดาในเรื่องยิงปืน ฝีมือระดับพระกาฬก็ว่าได้ครับ นัดเดียวจอดครับ (เบื้องต้นเกริ่นๆมาว่านัดเดียวก็รู้เรื่องแล้วครับแต่ที่ไหนได้... ดูเองครับภาพมันฟ้อง ....ผมพยายามติดต่อไปหาท่านนี้หลายครั้งแต่ปิดเครื่อง ไม่รู้วาไข้ขึ้นหรือเปล่านะครับ 555+)

ท้ายนี้หากการกระทำใดๆของผมหากข้อความและการกระทำของผมนั้น ทำให้ศิษย์สายตรงหลวงพ่ออาคมหรือหรือพ่อมหาอาคม ท่านใด ไม่พอใจ หรือ ขุ่นเคืองใจ ผมก็ต้องขออภัยไว้  ณ. ที่นี่ด้วยครับ


หัวข้อ: Re: ปรากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร "
เริ่มหัวข้อโดย: บ่หัวซาผีบ้าเดินดิน ที่ 16 มิถุนายน 2554, 12:37:03
ข้อมูลจากการที่ผมถามมาจากผู้รู้นะครับ และประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยลองมานะครับ

1.) การลองยิงเครื่องรางที่พระเกจิท่านสร้างเอาไว้ทางด้านคงกระพัน ส่วนใหญ่คนที่ลองมักจะใช้สิ่งที่มีชีวิตอาทิเช่น..เอาไปแขวนคอไก่, เอายัดใส่ปากปลาช่อน เข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อเป็นสื่อ ถึงจะเห็นผลครับ ... ข้อคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ อาวุธปืนยุคปัจจุบันมีความรุนแรงมากๆ แม้สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจะยิงไม่เข้าก็มีสิทธิ์ที่จะช้ำใน,กระดูกหักตายได้เหมือนกันครับ  ส่วนวัตถุมงคลที่มีพลังงานอยู่ในตัวมากพอที่จะสามารถปัดแรงกระสุน หรือ ต้านแรงกระสุน โดยที่ไม่มีสิ่งมีชิวิตเข้ามาเกี่ยวข้อง แสดงให้เห็นว่าวัตถุมงคลชิ้นนั้นๆมีพุทธคุณสูงมาก และ เมื่อผู้บูชาแขวนด้วยความศรัทธาแบบไร้ข้อกังขา ผลที่ได้ก็จะส่งไปในทางแคล้วคลาด ,มหาอุด ,คงกระพันชาตรี

2.) การลองหลักๆอยู่ที่จิตของ ตัวผู้ลองเป็นลองเป็นหลักๆ หากเชื่อมั่นและจิตขณะระลึกเสมอขณะที่ลองวัตถุมงคลชิ้นนั้นๆว่า ? ยิงไม่ออก?  ถึงจะยิงออกก็ส่งผลไปในทางแคล้วคลาด คือ ยิงออกแต่ไม่โดน หรือ ยิงโดนแต่ไม่ยุบ ก็จะส่งผลไปทาง ด้านคงกระพัน.... หากตัวผู้ลอง นำไปลองเพราะความคึกคะนอง หรือ ลองแบบไม่เชื่อไม่ศรัทธาจริงๆ ต่อให้วัตถุมงคลชิ้นนั้นๆ ต่อให้มีพุทธคุณที่สูงมากเพียงใดก็ตาม ยังไงก็ยิงออกครับ ผลก็คือ แอ่น,หัก,งอ,ทะลุ และก็อาจจะมีของแถมตามมาในภายหลังครับ คือ โดนแรงครูของเกจินั้นๆ ทำให้เกิดสื่งที่ไม่ดีกับตัวผู้ลอง ที่เขาเรียกกันว่าของตีกลับเข้าตัวนั่นแหละครับ

ปล.สำหรับข้อมูลที่ผมได้กล่าวมานี้เป็นเพียงการวิเคราะห์ส่วนตัวเท่านั้น ดังนั้นควรใช้วิจารณญาณเอาเองนะครับ เพราะผมเองก็ไม่สามารถที่จะยืนยันได้ว่า การวิเคราะห์ของผมนั้นเป็นจริงหรือไม่...และส่วนตัวไม่ได้สนับสนุนให้ใครลองนะครับ ด้วยความเคารพ


หัวข้อ: Re: ปรากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร "
เริ่มหัวข้อโดย: phasuka ที่ 04 กันยายน 2554, 07:35:19
เอาภาพมาน่าจะขอบคุณสักกะติ๊ดนะครับ..จากต้อมดอกไม้


หัวข้อ: Re: ปรากฏนาม ศิษย์แห่งหลวงปู่ญาท่านกัมมัฏฐานแพง "หลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร "
เริ่มหัวข้อโดย: aon-ubon ที่ 04 กันยายน 2554, 09:17:42
ข้อมูลเยี่ยมมากครับ ท่านบ่อหัวซา แถมเหรียญก็สวย 017 017 017