หัวข้อ: ท่าน ปู่โทนหลำแพร ( นครสวรรค์ ) เริ่มหัวข้อโดย: คนหลังเขา ที่ 01 มีนาคม 2556, 12:06:41 พี่ๆท่านไดทราบประวัติ ก้อบอกเล่าเก้าสิบให้ทราบมั่งเน้อๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ท่าน ปู่โทนหลำแพร ( นครสวรรค์ ) เริ่มหัวข้อโดย: คนหลังเขา ที่ 01 มีนาคม 2556, 12:09:48 ปู่โทน หลำแพร
...........นานมาแล้วหนุ่มใหญ่วัย ๓๐ คนหนึ่ง ฝักใฝ่ในการปฏิบัติพระกรรมฐาน เมื่อถึงวันพระก็ถือมั่นใรอุโบสถศีลอย่างเคร่งครัด ละทิ้งการงานออกจากบ้านมุ่งเข้าป่า เข้าถ้ำหาความวิเวกบำเพ็ญตะบะ เจริญภาวนา โทน หลำแพร ผู้นั้นเคยบรรพชาเป็นสามเณรอยู่ได้ ๓ พรรษา และบวชเป็นพระอยู่ ๒ พรรษา .....หนุ่มโทนเป็นหนุ่มลูกทุ่ง เป็นชาวบ้านโพธิ์ไทร อ.อินทรบุรี จ.สิงห์บุรี สมัยเมื่อบวชเรียนสนใจแต่พระกรรมฐาน และได้สึกออมาทำนา ก็มิวายหาโอกาสไปแสวงหาวิเวกตามป่าเขาลำเนาไพรทำกรรมฐานอยู่เสมอ คืนวันหนึ่งหนุ่มโทนนั่งบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่ในถ้ำพระ ที่หลังเขาช่องแค อ.ตาคลี นครสวรรค์ จิตได้รวมตัวสูงอยู่ในความสงบ.....จิตดิ่งลึกสงบศานติยิ่งขึ้น จนกระทั่งรู้สึกว่าร่างกายของตนหายไป มีแต่ความว่างเปล่าเหลือเพียงแต่จิตดวงเดียวที่สว่างอยู่ พักใหญ่จิตก็คลายออกและออกมาจากห้วงสมาธิลึก มาทรงตัวอยู่ในระดับหนึ่งซึ่งก็เกิดอารมณ์นึกคิดตริตรองข้ออรรถธรรมได้...พลัยทันใดนั้นเกิดมีแสงสว่างวาบเจิดจ้าคล้ายแสงฟ้าผ่าอยู่ในท่ามกลางแสงสว่างนั้น ปรากฏร่างนิมิตของพระภิกษุรูปหนึ่งยืนอยู่ ณ เบื้องหน้าตนเอง.....เป็นการเห็นภาพทางใจ เรียกว่านิมิต คล้ายภาพที่เห็นที่เห็นในจอโทรทัศน์ พระภิกษุที่มาปรากฏในสมาธิ มีรูปร่างสูงใหญ่ผิดปกติ สูงประมาณ ๙ ศอก ลักษณะเป็นคนหุ่นโบ ผิวพรรณเปล่งปลั่งผุดผ่อง มีสง่าราศีน่าเคารพยำเกรง รูปเค้าหน้าสวย เป็นพระภิกษุหนุ่มแน่น นุ่งสบง ทรงจีวรย้อมฝาด จริยาอิริยาแม้จะสง่าน่าเกรงขาม แต่แฝงด้วยความละม่อมละไมน่าเคารพเลื่อมใส.....หนุ่มโทนนึกในใจว่า " เจ้ากู " ...องค์นี้จะเป็นภูตวิญญาณผู้เป็นใหญ่มาปรากฏให้เห็น หรือจะเป็นพระสงฆ์องค์สำเร็จที่ยังมีชีวิตอยู่ในป่าในถ้ำถอดจิตส่งกายทิพย์มาโปรดเรากันแน่หนอ? จึงถามขึ้นในใจว่า..." ภุนเต...ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า มีนามว่ากระไร? ...มาจากไหน? สมณะรูปนั้นกล่าวตอบในสมาธินิมิตว่านามคือ " พระครูโลกอุดร " ...เป็นพระธุดงค์อยู่ในป่า และกำลังเล็งเห็นด้วยจักษุเป็นทิพย์ว่า ....อุบาสกโทนปฏิบัติกรรมฐานยังไม่ถูกต้องในร่องรอบปฏิปทา หนุ่มโทนได้ฟังเช่นนั้นแล้วก็ให้ดีใจ และอัศจรรย์ที่จะได้ครูบาอาจารย์ประเภทลี้ลับที่ไม่มีตัวตน จะพบเห็นได้ก็ในยามเข้าสมาธิเท่านั้น ครูบาอาจารย์ประเภทนี้ อาจเป็นฤๅษีดาบสผู้สำเร็จ หรืออาจเป็นพระอริยเจ้าผู้เชี่ยวชานสมาบัติ ถึงความเต็มเปี่ยมด้วยกำลังอภิญญา มีอภินิหารมากบำเพ็ญภาวนาอยู่วัตตะนิยะวิชัมพุวัตถุ ...หมายถึงสถานที่ภูมิประเทศอันสงัดลับเร้น พระครูโลกอุดร ...........ท่านพระเดชพระคุณ พระครูโลกอุดร เป็นพระภิษุผู้ทรงอภิญญา อภินิหารของท่านเป็นเรื่องเล่าลือกันมานานหลายร้อยสิบๆ ปีแล้วในแวดวงพระธุดงค์ พระครูโลกอุดรมรณะภาพไปนานมากแล้ว แต่ร่างสังขารของท่านยังมีผู้คนเห็นว่า ท่านเที่ยวบิณฑบาตอยู่แถวๆ กรุงเทพฯ นครปฐม ราชบุรี ลพบุรี อุดรธานี หนองคาย อุบลราชธานี เวียงจันทร์ ปากเซ จำปาศักดิ์ แม้ปัจจุบัน ท่านพระครูโลกอุดร เป็นผู้พาปู่โทนไปชมป่าหิมพานต์ ตะลึงลานกับ " นารีผล " มาแล้ว .....ปู่โทนเป็นศิษย์ของท่านพระครูโลกอุดร การเป็นศิษย์ของท่าน เป็นไปอย่างพิสดารมหัศจรรย์ยิ่งกว่าหนังโทรทัศน์หลังข่าว ทหารไทยที่ไปรบเวียตนาม เคยพบท่านพระครูโลกอุดรปรากฏร่างอยู่ในสมรภูมิแถบชายป่าเวียตนามมาแล้ว ท่านสำแดงปาฏิหารไปโปรดทหารไทยขณะตกอยู่ในห่ากระสุน ห่าระเบิดของเวียตกงทำให้ทหารไทยพากันรอดตายเหมือนมีเทวดามาโปรด ต่างพากันสะอื้นไห้ก้มลงจูบเท้าท่านด้วยความปราบปลื้มตื้นตันสำนึกในพระเดชพระคุณของท่าน นี่คือ อานุภาพของพระสงฆ์สาวกในพระพุทธศาสนา .....นี่คืออานุภาพของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ที่คอยให้ความคุ้มครองป้องกันอุปัทวันอันตรายแก่พุทธศาสนิกชนในทุกเมื่อ ..........พระครูโลกอุดรคือผู้อมตะ...ไม่ตาย ท่านเที่ยววนเวียนอยู่ในป่า คอยปรากฏร่างให้พระธุดงค์ผู้ใคร่ธรรมได้ประสบพบเห็นเป็นต้นว่า สอนธรรมปฏิบัติ และช่วยเหลือในยามตกอยู่ในคับขันอันตรายในป่า ท่านกระทำตนเป็นคณผู้คอยสอนพระธุดงค์กรรมฐานในป่าทุกหนทุกแห่ง และกระทำตนเป็นตัวแทนของพระตถาคต เรื่อราวของพระครูโลกอุดร เป็นเรื่องลี้ลับพิสดารที่หน้าสนใจอย่างกว้างขวางในแวดวงพุทธศาสนิกชน....ต่างถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์กันหาข้อยุติไม่ได้ บ้างก็ว่า พระครูโลกอุดรคือ หลวงพ่อโพรง โพธิพระอาจารย์ใหย่ของหลวงปู่ศุขวัดมะขามเฒ่า ...บ้างก็ยืนยันว่า พระครูโลกอุดรคือ หลวงพ่อทาอาจารย์ของหลวงปู่ศุขวัดมะขามเฒ่า ที่เข้าใจว่า พระครูโลกอุดรคือ หลวงพ่อดำ หรือลิ้นดำก็มีเยอะ แต่....แน่ๆ ปู่โทนเชื่อว่า พระครูโลกอุดรคือ สมเด็จลุนแห่งประเทศลาว ....และเล่ากันว่าพระครูโลกอุดร เป็นพระธุดงค์อยู่ตามป่าดงพงไพร จะปรากฏกายให้คนเห็นในบางโอกาส คนที่จะเห็นท่านได้ต้องมีจิตอยู่ในกรรมฐาน..........เชื่อกันว่าท่านบำเพ็ญภาวนาจนเกิดสมาธิแรงกล้า สำเร็จญาณสมาบัติขั้นสูงสุด บรรสุอภิญญา มีกายและจิตเป็นอมตะ สามารถแสดงอิทธิวิธี เนรมิตบิดเบือนกายได้ทุกรูปแบบ ข้อมูลจาก ..... https://sites.google.com/site/phrakhrulokxudr/ ข้อมูลเพิ่มเติม >>>> http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&p=264653 |