พิมพ์หน้านี้ - พระครูวจีสุนทร (ญาท่านบุตร ปัญญาพโล) วัดบ้านหนองไข่นก

ประวัติโดยสังเขป พระครูวจีสุนทร (ญาท่านบุตร ปัญญาพโล)
อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองไข่นกและเจ้าคณะตำบลหนองไข่นก อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี

ชาติภูมิเดิม
ชื่อเดิม บุตร แก่นทอง เกิดเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๕ ณ บ้านเลขที่ ๕๒ หมู่ที่ ๑ บ้านหนองไข่นก ตำบลหนองไข่นก อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี บิดาชื่อ นายเคน แก่นทอง มารดาชื่อ นางพา แก่นทอง มีพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน ๕ คน คือ
๑. นายพรหมมา แก่นทอง
๒. นายจันดา แก่นทอง
๓. นางอ่อนสา เชื้อโท
๔. พระครูวจีสุนทร (บุตร ปัญญาพโล)
๕. นายสี แก่นทอง
บรรพชา ?อุปสมบท
บรรพชาเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๑ เมื่ออายุ ๑๗ ปี ที่วัดบ้านก่อ ตำบลหนองไข่นก อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี
อุปสมบทเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ เมื่ออายุ ๒๑ ปี ที่วัดบ้านก่อ ตำบลหนองไข่นก โดยมีพระอ่อน สิริจันโท เป็นอุปัชฌาย์ พระอาจารย์โทน เป็นพระกรรมวาจาจารย์
การศึกษา
พ.ศ. ๒๔๗๗-๒๔๗๘ ศึกษาภาษาบาลีในหลักมูลกัจจายน์ ที่วัดบ้านนาแวง อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี
พ.ศ. ๒๔๗๘-๒๔๗๙ ศึกษาภาษาบาลีในหลักสุตรมูลกัจจายน์กับพระอาจารย์จันทร์ วัดหนองไข่นก และพระอาจารย์สีทนต์ และจบหลักสูตรในสองปี
พ.ศ. ๒๔๘๐-๑๔๘๑ ฝึกเทศน์มหาชาติกัณฑ์มัทรี กับพระอาจารย์บุญเวิน วัดบ้านท่าลาด ตำบลหนองเมือง อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี จนสำเร็จ ต่อมาได้ศึกษาปริยัติธรรมจนสอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี ชั้นโท และชั้นเอกตามลำดับ
งานปกครองและวิทยฐานะ
พ.ศ. ๒๔๘๐ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดบ้านหนองไข่นก อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี
พ.ศ.๒๕๑๐ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านหนองไข่นก และในปีเดียวกันก็ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดบ้านโพนแพง และรักษาการเจ้าคณะตำบลหนองไข่นกอีกด้วย
พ.ศ.๒๕๑๑ ได้รับการแต่งตั้งให้เป้นเจ้าคณะตำบลหนองไข่นก
พ.ศ.๒๕๑๒ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ในเขตตำบลหนองไข่นก
พ.ศ.๒๕๑๗ ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูวจีสุนทร เจ้าคณะตำบลชั้นตรี มีอำนาจบริหารงานคณะสงฆ์ในเขตตำบลหนองไข่นกโดยสมบูรณ์
งานด้านการสอนและเผยแพร่
พ.ศ.๒๔๘๐ เป็นครูสอนนักธรรมตรี นักธรรมโท ที่วัดหนองไข่นกโดยเปิดสอนด้วยคตนเอง
พ.ศ.๒๔๘๔ ได้รับมอบหมายจากคณะสงฆ์และฝ่ายบ้านเมืองให้เป็นครูสอนโรงเรียนผู้ใหญ่ ที่ศาลาวัดบ้านหนองไข่นก
พ.ศ.๒๔๘๔ เป็นต้นมา ได้เป็นอาจารย์สอนทำนองเทศน์มหาชาติในกัณฑ์มัทรี จนชราภาพ
พ.ศ.๒๕๑๒ -๒๕๒๒ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระธรรมฑูตประจำอำเภอสายที่ ๖ ในระหว่างนี้ได้ออกเผยแพร่ธรรมตามวัดต่างๆตามที่ได้รับมอบหมาย
งานสาธารณูปการ
พ.ศ.๒๔๘๐ เป็นต้นมาได้เอาใจใส่ดูแลปฏิสังขรณ์วัดวาอารามโดยไม่ได้ทอดทิ้งดูดาย ไม่ว่าจะเป็นกุฎิ ศาลาการเปรียญ โบสถ์ วิหาร
พ.ศ.๒๔๘๒ ได้เป็นประธานนำพระภิกษุ สามเณรในวัด และชาวบ้านหนองไข่นกปลูกสร้างศาลาการเปรียญขึ้นหลังหนึ่งมีขนาดกว้าง ๑๓ เมตร ยาว ๒๐ เมตร เป็นอาคารไม้ชั้นเดียว ยกพื้นสูง สร้างด้วยไม้เนื้อแข็งทั้งหลัง หลังคามุงด้วยไม้กระดาน สร้างถึง พ.ศ.๒๔๙๐ จึงแล้วเสร็จ ใช้เวลานานถึง ๗ ปี
พ.ศ.๒๔๙๕ ได้เป็นประธานนำพระภิกษุ สามเณร และชาวบ้านหนองไข่นกปลูกสร้างอาคารเรียนโรงเรียนประชาบาลบ้านหนองไข่นก ตำบลหนองไข่นก
พ.ศ.๒๕๑๑ ได้เป็นผู้นำปลูกสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ ชั้น ด้วยความร่วมมือของญาติโยมและหน่วยงานของรังบและเอกชน
พ.ศ.๒๕๑๓ ท่านได้เป็นประธานในการสร้างสำนักสงฆ์ขึ้นที่วัดหนองไข่นกอีกแห่งหนึ่ง เพื่อให้เป็นที่เจริญวิปัสสนากรรมฐานของพระภิกษุ สามเณร ทายกทายิกาทั้งหลาย
อุปนิสัย
ท่านพระครุวจีสุนทร นับแต่ท่านบรรพชา อุปสมบทแล้วท่านเป็นผู้มีจริยวัตรอันดีงาม เอาใจใส่ต่อภารกิจสงฆ์เป็นอย่างดี เมื่อมีอำนาจในการปกครองสงฆ์นำพระภิกษุ สามเณรปฏิบัติกิจของสงฆ์มิได้ขาด ท่านเป็นผู้มีจิตใจเมตตาการุณ ในงานศาสนพิธีนั้นไม่ว่าจะภายในวัด หรือนอกวัดก็ตาม ท่านจะไปบำรุงขวัญ เป็นกำลังใจ บำรุงศรัทธาในงานนั้นๆ มิได้ขาด ไม่ว่าจะเป็นงานบุญ งานบวชนาค แต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ หรืองานศพ ท่านได้ปวารณาไว้หากผู้ใดมีเหตุต้องนิมนต์ท่านได้ตลอดเวลา จริยวัตรอันดีของท่านทำให้ชาวบ้านอบอุ่นใจ มีความเคารพนับถือท่าน
บั้นปลายแห่งชีวิต
ท่านพระครูวจีสุนทร (ญาท่านบุตร ปัญญาพโล) มรณะภาพเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๓๒ สิริอายุได้ ๗๗ ปี ๕๘ พรรษา

คัดลอกจากอนุสรร์งานพระราชทานเพลิงศพพระครูวจีสุนทร
๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓

ชมรมอนุรักษ์พุทธศิลป์แห่งภาคอีสาน